สำหรับคุณแม่ที่ตั้งใจจะคลอดลูกด้วยวิธีทางธรรมชาติ หากมีอายุครรภ์ 40 สัปดาห์แล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลอดเลย การเร่งคลอด หรือกระตุ้นให้คลอดเร็วขึ้น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณแม่สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กินอาหารที่ช่วยกระตุ้นการเร่งคลอด อาหารเร่งคลอด กินแล้วช่วยให้คลอดง่ายขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลยดีกว่า
แนะนำ 4 อาหารเร่งคลอด ทำให้คลอดเร็ว
อาหารเร่งคลอด กินแล้วช่วยให้คลอดง่ายขึ้น เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ถึงกำหนดคลอดแล้ว และวางแผนว่าจะคลอดด้วยวิธีทางธรรมชาติ แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลอดเลย การเร่งคลอดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ด้วย เพื่อความปลอดภัย หากคุณแม่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ ลองทานอาหารเหล่านี้ดูจะช่วยกระตุ้นการคลอดให้เร็วขึ้นแน่นอน
1.สับปะรด
หากถึงกำหนดคลอดแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลอดเลย คุณแม่ลองทานสับปะรดดู จะช่วย เร่งคลอดธรรมชาติ ได้ไวขึ้น เนื่องจากในสับปะรดนั้นมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า โบรมีเลน (Bromelain) และจะพบมาบริเวณแกนสับปะรด ซึ่งมีส่วนช่วยให้ปากมดลูกนิ่ม และยังช่วยกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณมดลูกอีกด้วย ทั้งนี้ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม หากกินมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียได้
2.มะละกอสุก
มะละกอสุกเป็นอีกหนึ่ง อาหารเร่งคลอด เพราะมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ช่วยในเรื่องเร่งคลอดได้เช่นกัน เพียงแต่จะเป็นคนละตัวกับที่อยู่ในสับปะรด ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้มีชื่อว่า ปาเปน (Papain) โดยจะพบมากในยางมะละกอ และมะละกอสุก ซึ่งยางตัวนี้จะทำหน้าที่เหมือนพรอสตาแกลนดิน ที่สามารถกระตุ้นการหดตัวของมดลูกได้
3.ชาราสเบอร์รี่
การดื่มชาราสเบอร์รี่เป็นประจำ จะช่วยให้มดลูกแข็งแรง และในขณะเดียวกันคุณแม่ที่ถึงกำหนดคลอดแล้ว การดื่มชาราสเบอร์รีจะช่วยให้กล้ามเนื้อมดลูกหดเกร็งตัว หรือที่พูดง่าย ๆ ก็คือ ช่วยให้คลอดเร็วขึ้นนั่นเอง ชาราสเบอร์รี่เป็นอีกหนึ่ง อาหารเร่งคลอด ที่ได้ผลดี
4.อาหารรสจัด
อาหารรสจัดที่มีรสเผ็ดจัดจ้าน เชื่อกันว่าเป็นอาหารเร่งคลอด สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ถึงกำหนดคลอดได้เป็นอย่างดี บางคนเชื่อว่าการกินข้าวแกงกะหรี่ จะช่วยกระตุ้นการหดเกร็ง หรือบีบตัวของมดลูกมากขึ้น แต่ทั้งนี้ยังไม่พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน มีเพียงข้อกล่าวอ้างตามวารสาร Birth เมื่อปี 2011 เท่านั้น
การเร่งคลอด ควรทำในกรณีไหน
ในกรณีคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มากกว่า 40 สัปดาห์ หรือมีอายุครรภ์ตั้งแต่ 37 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ จำเป็นจะต้องเร่งคลอด แพทย์จะทำการเร่งคลอดให้กับคุณแม่ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์ นอกจากนี้การเร่งคลอดยังควรทำในกรณีดังต่อไปนี้ด้วยเช่นกัน
- คุณแม่ตั้งครรภ์มากกว่า 40 สัปดาห์ แต่ยังไม่มีวี่แววในการคลอด กรณีนี้หากปล่อยไว้จะทำให้รกเสื่อม จนไม่สามารถนำอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงทารกในครรภ์ได้อีกต่อไป
- คุณแม่ที่ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์คลอด หรืออายุครรภ์มากกว่า 37 สัปดาห์ ถ้าปล่อยไว้นานจะทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือเด็กมีความพิการแต่กำเนิดได้
- เร่งคลอดธรรมชาติ ในกรณีที่เด็กเติบโตช้า น้ำหนักตัวน้อย เนื่องจากคุณแม่มีโรคประจำตัวอย่างเช่นโรคเลือด โรคติดเชื้อต่าง ๆ หรือสภาพมดลูกไม่สมบูรณ์
- ความดันโลหิตสูง หรือ ครรภ์เป็นพิษ ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้เส้นเลือดทั่วร่างกายหดรัดตัว ทำให้ปริมาณของเลือดที่ส่งไปเลี้ยงจึงลดน้อยลง ถ้าปล่อยไว้อาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้ เพราะเนื้อเยื่อรกบางส่วนขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง
- คุณแม่เกิดการอักเสบติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ (Chorioamnionitis)
- คุณแม่ที่มีภาวะน้ำคร่ำน้อย (Oligohydramnios)
- กรณีที่ทารกเสียชีวิตในครรภ์ (Fetal death) เพราะหากปล่อยให้ทารกที่เสียชีวิตแล้วยังอยู่ในครรภ์นานเกินไป จะทำให้คุณแม่เกิดภาวะลิ่มเลือดไม่แข็งตัวได้ เพราะอาจมีส่วนเสื่อมสลายของลูกหลุดเข้าไปในกระแสเลือดได้
เร่งคลอดด้วยวิธีใดได้อีกบ้าง
นอกจากเร่งคลอดด้วยการกินอาหารเร่งคลอด ทางการแพทย์ยังมีอีกหลายวิธีในการเร่งคลอดให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยง โดยจะมีการเร่งคลอดด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
1.ใช้ยาเร่งคลอด (ฮอร์โมนออกซีโตซิน – Oxytocin)
การใช้ยาเร่งคลอดเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด เพราะมีความปลอดภัย โดยจะใช้ยาที่มีคุณสมบัติช่วยให้มดลูกบีบตัว ทำให้การคลอดดำเนินไปตามปกติ ไม่เนิ่นนาน สามารถใช้ยาได้ทั้งกรณีที่มีการเจ็บครรภ์ แต่ต้องการเร่งคลอดให้เร็วขึ้น
2.การใช้ฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin)
นับว่าเป็นวิธีล่าสุดที่ใช้ในการเร่งคลอด โดยยาที่ใช้จะมีทั้งรูปแบบเจล และแบบยาเหน็บช่องคลอด โดยจะใช้ยาสอดเข้าไปข้างในช่องคลอด และยาก็จะออกฤทธิ์ทำให้ปากมดลูกอ่อนนุ่ม และเปิดมากขึ้น ช่วยกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกดีขึ้น
3.เร่งคลอดด้วยวิธีทางธรรมชาติ
การเดินเป็นอีกหนึ่งวิธี เร่งคลอดธรรมชาติ ที่ช่วยให้คลอดได้ง่าย และเร็วขึ้น เพราะการเคลื่อนไหวทางร่างกายจะทำให้ตำแหน่งของทารกเคลื่อนต่ำลงมาอยู่ในตำแหน่งการคลอด ทั้งนี้การมีเพศสัมพันธ์อย่างนุ่มนวลในท่าที่ปลอดภัย จะช่วยให้กล้ามเนื้อช่องคลอดเกิดการหดรัดตัวได้ดีขึ้น
อาหารเร่งคลอดเป็นอีกหนึ่งวิธีเร่งคลอดทางธรรมชาติ ที่เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มากกว่า 40 สัปดาห์ขึ้นไปที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลอด เพราะหากปล่อยไว้อาจจะทำให้รกเสื่อมไม่สามารถนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงทารกในครรภ์ได้ เพราะฉะนั้นการกินอาหารเร่งคลอดจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยกระตุ้นให้คุณแม่ตั้งครรภ์คลอดเร็วขึ้นนั่นเอง
เรื่องอื่นๆ ที่เราแนะนำสำหรับคุณ