ลูกน้อยคันตามตัวพร้อมกับมีผื่นขึ้น อาจมีที่มาจากสาเหตุที่แตกต่างกัน คุณแม่ลองสังเกตอาการผื่นคันตามตัวของลูกว่าเป็นผื่นคันประเภทไหน โดยผื่นคันมีหลายประเภทด้วยกันเช่น ผื่นคันทั่วไป ผื่นคันจากแมลงกัดต่อย ผื่นคันภูมิแพ้ผิวหนัง ผื่นคันลมพิษ ผื่นแพ้สัมผัส เป็นต้น หากรู้ว่าเป็นผื่นคันประเภทไหนก็จะมี วิธีแก้ผื่นคัน อย่างถูกวิธี และได้ผลดีด้วยนั่นเอง
วิธีแก้ผื่นคัน อย่างถูกวิธี ตามประเภทผื่นที่เป็น
ผดผื่นในเด็ก แก้ได้ไม่ยาก เพียงแต่คุณแม่จะต้องรู้ว่าเป็นผื่นคันประเภทไหน ก็จะสามารถรักษาได้อย่างถูกวิธีตามประเภทของผื่น วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีแก้ผื่นคัน อย่างถูกวิธี ฝากคุณแม่ดังนี้
1.ผื่นคันทั่วไป
ผื่นคันทั่วไป สาเหตุของการเกิดผื่นคันประเภทนี้มักมาจากสภาพอากาศที่แห้ง ส่งผลทำให้เกิดผดผื่น ผิวลอก เกิดอาการคันตามมา หากลูกน้อยเป็นผื่นคันประเภทนี้ วิธีแก้ผื่นคัน ให้คุณแม่ทาโลชั่นเด็กตามร่างกาย เพื่อบรรเทาอาการคันจากผื่นที่ขึ้นตามตัวในเบื้องต้นได้
2.ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
ผื่นคันภูมิแพ้ผิวหนัง สาเหตุเกิดจากฝุ่นละออง มลภาวะ การสัมผัสสารเคมีบางชนิด ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือปล่อยให้ผิวแห้ง วิธีแก้ผื่นคัน ประเภทนี้ก็คือ อาบน้ำชำระร่างกายให้กับลูกเพื่อล้างเหงื่อ และฝุ่นออก โดยการใช้สบู่อ่อน ๆ ที่ปราศจากน้ำหอม และพาราเบน เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่ายของลูก ควรหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่หนา และรัดจนเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้เกิดการเสียดสี กระตุ้นให้เกิดผื่นคันมากขึ้น
3.ผื่นผดร้อน
ผื่นผดร้อน มีสาเหตุหลักมาจากการอักเสบของต่อมเหงื่อที่มีการอุดตัน ส่งผลทำให้ผิวหนังของเด็กเกิดการอักเสบเป็นตุ่มบาง ๆ ตุ่มแดง ๆ หรือตุ่มหนองที่กดแล้วเจ็บ โดยผื่นดังกล่าวมักจะเกิดตามร่มผ้าที่มีความอับชื้น วิธีแก้ผื่นคันประเภทผดผื่นร้อนคือ ทายาลดการอักเสบเมื่อมีผื่นเห่อ หลังอาบน้ำทาครีมที่ช่วยลดการเกิดผดร้อน เช่น แป้งโลชั่นสำหรับผดร้อน หาวิธีระบายความร้อนให้กับลูกน้อยในระหว่างวันเช่น การอาบน้ำ การใช้สำลีชุบน้ำเช็ดตามหลัง ข้อพับ และหน้าอก ผิวหนังในร่างกายส่วนที่เกิดความร้อนและอับชื้น ใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ ที่ระบายความร้อนได้ดีให้กับลูก
4.ผื่นแมลงกัด ผื่นแพ้ยุง
ผื่นแมลงกัด เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อย โดยเฉพาะยุง มด เห็บ หมัด ริ้นทะเลเป็นต้น โดยแมลงเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสาเหตุทำให้เกิดผื่นคันตามตัวลูกได้ เมื่อเด็กถูกแมลงกัด จะเกิดตุ่มแดง คัน บวม และถ้ามีอาการที่รุนแรงจะเกิดการอักเสบ มีตุ่มพองได้ วิธีแก้ผื่นคันประเภทนี้คือ ให้ยาลดการอักเสบเมื่อมีผื่นเห่อ หากมีอาการบวมให้ยาแก้แพ้และคัน พร้อมกับทาโลชั่น และขี้ผึ้งเพื่อบรรเทาอาการคัน หรือจะใช้การประคบเย็นให้กับเด็กก็ได้
5.ผื่นลมพิษ
ผื่นลมพิษเกิดจากร่างกายได้รับสารกระตุ้นบางชนิด เช่น แพ้ยา แพ้อาหาร แพ้อากาศ จนทำให้เกิดผื่นคันขึ้นตามตัวเด็ก วิธีแก้ผื่นคันคุณแม่ลองสังเกตอาการว่าให้ลูกกินอะไรเข้าไป หรือลูกได้ไปสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ หรือไม่ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นลมพิษ และใช้คาลาไมน์ ทาบริเวณผื่นลมพิษ เพื่อช่วยลดอาการคันให้กับลูก พยายามไม่แกะ เกา ขีดข่วนผิวหนัง เพราะอาจทำให้เกิดผิวหนังบริเวณดังกล่าวอักเสบได้
6.ผื่นแพ้สัมผัส
ผื่นแพ้สัมผัสเกิดจากสารกระตุ้นที่ทำให้เกิดการแพ้ และระคายเคือโดยตรงเช่น สารเคมีบางชนิดที่อยู่ในสบู่ ครีมอาบน้ำ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้าเด็ก ลองสังเกตว่าเกิดจากการสัมผัสสิ่งใด และหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดผื่นแพ้ วิธีแก้ผื่นคัน ให้กับลูกคือ ทาครีมหรือ โลชั่นที่เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย เพื่อให้ผิวได้รับความชุ่มชื้น ไม่แห้งคัน หากมีอาการคันมาก ๆ สามารถให้ยาแก้แพ้ร่วมด้วย หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรพาลูกไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาได้ทันท่วงที
ป้องกันลูกรักจากผดผื่นต่างๆ ได้อย่างไร
การป้องกัน ผดผื่นในเด็ก คุณแม่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นคันดังนี้
- ทาโลชั่นบำรุงผิวให้กับลูกทุกครั้งหลังอาบน้ำ โดยการเลือกใช้โลชั่นที่ไม่มีน้ำหอมหรือสารเคมี ไม่ควรใช้โลชั่นประเภทไวท์เทนนิ่ง เพราะมีกรดผลไม้ ยิ่งทายิ่งระคาย
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ไม่ผสมสารเคมี น้ำหอม และสารกันบูด เพื่อป้องกันการระคายเคือง ไม่ให้เกิดอาการแพ้ที่อาจเพิ่มมากขึ้นกับลูก
- ใส่เสื้อผ้ามิดชิด พร้อมทาโลชั่นกันแมลงให้กับลูกทุกครั้งที่อยู่นอกบ้าน หลีกเลี่ยงอยู่ในสถานที่ที่มียุง และแมลงชุกชุม
- หากลูกมีอาการแพ้ หรือต้องการทราบความเสี่ยงในการแพ้สารเคมีใด ๆ อาจป้องกันได้ด้วยการพาลูกไปตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ผื่นคันตามร่างกายมีสาเหตุ ปัจจัยกระตุ้นหลายประการ สิ่งสำคัญคือควรหาสาเหตุให้เจอ เพื่อที่จะได้ดูแลรักษาได้อย่างถูกวิธี วิธีแก้ผื่นคันสำหรับผื่นคันที่ไม่รุนแรง หรือเกิดจากผิวแห้ง คุณแม่ก็สามารถดูแลผื่นคันของลูกน้อยเบื้องต้นได้ด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น แต่ถ้าเป็นผื่นคันที่รุนแรง ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และการรักษาอย่างถูกวิธี
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ