วันนี้ (20 ก.พ. 60) เครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนศรีสะเกษเดินทางมาเยี่ยมน้องอิกคิว นามสมมติ อายุ 7 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ถูกเด็กชายอิน นามสมมติ อายุ 10 ปี ใช้ฝักคูณแทงเข้าไปที่ดวงตาข้างซ้ายของ ด.ช.อิกคิว จนทำให้ดวงตาแตกยุบเข้าไปในเบ้าตา แพทย์ต้องควักดวงตาทิ้ง ซึ่งขณะนี้ ด.ช.อิกคิว ยังคงใช้ผ้าปิดตาเอาไว้ เนื่องจากว่าแผลยังไม่หายสนิท โดยพ่อและแม่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
นางอุไรทิพย์ แม่ของน้องอิกคิว เล่าว่า
เหตุที่ทำให้น้องอิกคิวพิการตาบอดตลอดชีวิต เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 4 ต.ค. 2559 ขณะนั้น น้องอิกคิวกำลังเล่นอยู่หน้าบ้านของตนเอง ปรากฏว่าได้มี ด.ช.ธีรภัทร หรือ อิน ซึ่งติดตามพ่อแม่มาร่วมงานวันเกิดของเพื่อนบ้านคนหนึ่งได้มาขอเล่นด้วย และต่อมาปรากฏว่า ตนได้ยินเสียงน้องอิกคิวร้องไห้เสียงดังลั่น ตนอยู่ในบ้านจึงได้รีบวิ่งออกมาดู ก็ต้องตกใจพบว่า น้องอิกคิวมีเลือดไหลทะลักออกมาจากดวงตาข้างซ้าย ตนจึงได้ถามว่าใครทำแบบนี้ น้องอิกคิวได้ชี้ไปที่ ด.ช.อิน ซึ่งน้องอิกคิวบอกว่า ด.ช.อินได้ใช้ฝักคูณที่น้องอิกคิวเก็บมาเพื่อที่จะเล่นขายของ โดยได้หักฝักคูณเป็น 2 ท่อน จากนั้นได้ใช้ฝักคูณแทงมาที่น้องอิกคิว โดยครั้งแรกน้องอิกคิวหลบทัน แต่พอ ด.ช.อิน ใช้ฝักคูณแทงมาครั้งที่ 2 น้องอิกคิวหลบไม่ทัน ทำให้โดนฝักคูณแทงเข้าที่ดวงตาข้างซ้าย จนทำให้ดวงตายุบเข้าไปในเบ้าตาเลือดไหลทะลักออกมาจำนวนมาก ตนจึงได้รีบนำตัวน้องอิกคิวส่งไปที่ รพ.อุทุมพรพิสัย และแพทย์ได้ส่งตัวต่อไปยัง รพ.ศรีสะเกษ
โดยหลังจากที่ แพทย์ รพ.ศรีสะเกษ ได้ทำการตรวจบาดแผลแล้วแจ้งว่า จะต้องควักดวงตาข้างซ้ายของน้องอิกคิวทิ้ง เนื่องจากว่า ดวงตากระจกแก้วตาแตกกระจาย ไม่สามารถที่จะรักษาได้ หากไม่ควักตาทิ้งอาจจะทำให้ลุกลามติดเชื้อไปยังดวงตาอีกข้างหนึ่งและจะทำให้ตาบอดทั้ง 2 ข้าง ตนจึงได้อนุญาตให้แพทย์ทำการรักษาพยาบาลโดยการควักเอาดวงตาข้างซ้ายของน้องอิกคิวทิ้งไป
เมื่อเป็นดังนั้น แม่ของน้องอิกคิว จึงได้ไปแจ้งความกับ พ.ต.ต.ธงชัย ตอพิมาย สารวัตรสอบสวน สภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ช.อินตามกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาชดใช้ค่าเสียหายกัน ซึ่ง ด.ช.อิน ได้ยอมรับต่อหน้าแม่และต่อหน้าพนักงานสอบสวนว่า ได้ใช้ฝักคูณแทงดวงตาของน้องอิกคิวจริง โดยตนได้บันทึกเสียงการรับสารภาพเอาไว้ด้วยแล้ว
แม่ของเด็กชายคู่กรณีปัดความรับผิดชอบ
ซึ่งแม่ของ ด.ช.อิน ได้รับปากว่า ยินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้จำนวน 10,000 บาท แต่ตนไม่ยินยอม เนื่องจากว่า น้องอิกคิวต้องพิการตลอดชีวิต และต้องใช้ตาปลอม เพื่อที่น้องอิกคิวซึ่งตาบอดจะได้ไม่มีปมด้อยมากนักเวลาไปเรียนหนังสือ ซึ่งหลังจากนั้น แม่ของ ด.ช.อิน ไม่ยอมที่จะเจรจาชดใช้ค่าเสียหายแต่อย่างใด แม้ว่าตนจะไปหาที่บ้านเพื่อเจรจาเรื่องนี้ก็ตาม โดยบอกปัดปฏิเสธความรับผิดชอบและบอกว่า เด็กเล่นกันเองทำไมต้องไปรับผิดชอบค่าเสียหายด้วย
ผ่านไป 4 เดือนแล้ว คดีความยังไม่คืบ
นางอุไรทิพย์ ยังเล่าต่อไปว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ปรากฏว่า ผ่านมา 4 เดือนกว่าแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี เมื่อไปสอบถามความคืบหน้าจากพนักงานสอบสวนก็แจ้งว่า ให้รอไปก่อน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ตนจึงขอร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่า ขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้าของคดีนี้กับพนักงานสอบสวน เจ้าของคดีให้ด้วย เนื่องจากว่าคดีล่าช้ามาก และขอให้พ่อแม่ของ ด.ช.อิน มาช่วยเหลือรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามความเหมาะสมด้วยเนื่องจากว่า ไม่มีการติดต่อให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด และขอความอนุเคราะห์จากโรงพยาบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ขอได้โปรดกรุณามอบดวงตาเทียมให้กับน้องอิกคิวด้วย
ฝากเป็นอุทาหรณ์ไปยังบ้านที่มีเด็ก
นางอุไรทิพย์ กล่าวด้วยว่า ตนขอฝากเป็นอุทาหรณ์ไปยังพ่อแม่ทุกคนว่า ในการเล่นของลูกหลาน ไม่ควรที่จะให้เล่นของที่มีคมที่อาจจะเป็นอันตรายจนถึงกับพิการเหมือนกับลูกของตนที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ควรที่จะดูแลลูกหลานของตนเองอย่างใกล้ชิดด้วย เพราะหากว่าเกิดเหตุขึ้นมาแล้ว ไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้ จะต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต เมื่อโตขึ้นไม่สามารถที่จะทำงานรับราชการหรือทำงานดีเหมือนกับคนที่ดวงตาปกติได้
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ