fbpx
Homeการเลี้ยงลูกการดูแลสุขภาพเด็กทารกอุจจาระมีมูก อันตรายไหม คุณแม่รีบเช็กด่วน!

ทารกอุจจาระมีมูก อันตรายไหม คุณแม่รีบเช็กด่วน!

ทารกอุจจาระมีมูก เป็นอาการขับถ่ายในเด็กที่อาจพบได้ปกติ แต่ก็ต้องสังเกตให้ดี เพราะอาการถ่ายเป็นมูกในเด็กบางคนก็อาจเกิดจากความผิดปกติ ทำให้เสี่ยงอันตรายได้เหมือนกัน ดังนั้นคุณแม่ต้องเช็กด่วนแล้วล่ะว่าลูกน้อยมีอาการอย่างไรบ้าง แบบไหนที่ควรพบหมอทันที เพื่อจะได้ตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาได้ถูกวิธีนั่นเอง

ทารกอุจจาระมีมูก เกิดจากอะไร อันตรายไหม?

การที่ทารกอุจจาระมีมูก เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนเจอ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ และมีความอันตรายหรือไม่ โดยสาเหตุที่พบบ่อยๆ มีดังนี้

  • การติดเชื้อทางเดินอาหาร การติดเชื้อจากแบคทีเรียหรือไวรัส สามารถทำให้ทารกมีอาการท้องเสีย หรืออุจจาระมีมูกได้ โดยมักจะแสดงอาการร่วมกับอาการอาเจียนและไข้
  • แพ้โปรตีนในอาหาร ลูกน้อยอาจมีอาการแพ้โปรตีนจากนมวัวได้ถ้าให้ดื่มนมเสริม หรือในทารกที่ดื่มนมแม่ก็มีโอกาสแพ้โปรตีน จากการที่แม่ดื่มนมวัวหรือผลิตภัณฑ์จากนมวัวได้เช่นกัน ส่งผลให้อุจจาระมีมูกและเลือดปนนั่นเอง
  • อาการลำไส้อักเสบ ทำให้เชื้อโรคและสารพิษสะสมในลำไส้ จึงเกิดมูกในอุจจาระ
  • เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอาหาร หากทารกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอาหาร เช่น เริ่มให้ข้าวบดหรืออาหารเสริม อาจเกิดการตอบสนองของระบบย่อยอาหาร ซึ่งมีผลให้เกิดมูกในอุจจาระได้
  • โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เช่น โรคโครห์น หรือ โรคลำไส้อักเสบชนิดอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดมูกในอุจจาระนั่นเอง

ลูกถ่ายเป็นมูกไม่ใช่เรื่องผิดปกติเสมอไป แต่ถ้าทารกมีอาการอื่น ๆ หรือมีลักษณะอุจจาระที่ผิดปกติ เช่น อุจจาระมีสีเข้มหรือมีกลิ่นเหม็นมาก อาจบ่งบอกถึงปัญหาทางสุขภาพ ซึ่งมีความอันตรายได้เหมือนกัน จึงควรพบแพทย์โดยด่วน

อาหารที่ลูกกิน มีผลต่อการถ่ายเป็นมูกในทารกอย่างไร

การดูแลสุขภาพของทารกเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงอาหาร ซึ่งทุกอย่างที่ลูกน้อยรับประทานสามารถส่งผลต่อสุขภาพทั่วไป รวมถึงการที่ทารกอุจจาระมีมูกด้วย ดังนั้นเรามาดูกันว่าประเภทอาหารที่ลูกรับประทาน มีผลต่อการเกิดมูกในอุจจาระอย่างไร

1.นมแม่และนมผสม

  • นมแม่ เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกที่มีระบบทางเดินอาหารที่บอบบาง นมแม่มักประกอบด้วยสารอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารก นอกจากนี้ยังช่วยลดโอกาสในการเกิดการติดเชื้อที่ทำให้มีอาการถ่ายเป็นมูก
  • นมผง สำหรับทารกที่ดื่มนมผสม อาจมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมูกในอุจจาระ ถ้านมสูตรนั้นมีโปรตีนที่ทารกแพ้ อาการแพ้โปรตีนนมวัวอาจทำให้ทารกมีอุจจาระที่มีมูกหรือเลือดปนได้

2.อาหารเสริม

เมื่อทารกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอาหาร เช่น การให้ข้าวบด ผักหรือผลไม้ อาจเกิดการตอบสนองทางระบบย่อยอาหารที่ส่งผลต่อลักษณะของอุจจาระได้ เช่น

  • อาหารที่มีไฟเบอร์สูง การให้ผักและผลไม้สดสามารถช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น แต่บางครั้งอาจทำให้เกิดมูกในอุจจาระ ถ้าทารกมีอาการแพ้อาหารบางประเภท
  • อาหารที่ก่อให้เกิดแก๊ส เช่น บร็อคโคลี่ ถั่ว หรือหัวหอม ส่งผลให้ทารกเกิดอาการท้องอืดและมีมูกในอุจจาระ

3. ทารกอุจจาระมีมูก จากการแพ้อาหาร

อาหารที่ทารกแพ้สามารถทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร และส่งผลให้ทารกอุจจาระมีมูก โดยอาหารที่ทารกมักจะแพ้บ่อยๆ ได้แก่

  • นมวัว ทำให้เกิดอาการแพ้นมวัวและส่งผลให้อุจจาระมีมูก
  • ไข่ เป็นอาหารที่พบบ่อยในกรณีของการแพ้ในเด็ก
  • ถั่ว เช่น ถั่วลิสง, ถั่วเขียว ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

 4.การบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง

การให้ทารกบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น อาหารที่มีสารกันเสียหรือสารเติมแต่งต่างๆ อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติและส่งผลให้มีมูกในอุจจาระ

อาหารที่ทารกรับประทานมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของเขา รวมถึงลักษณะของอุจจาระที่มีมูก ดังนั้นคุณแม่ต้องรู้จักสังเกต และให้ความสำคัญกับการทานอาหารในเด็กมากเป็นพิเศษ เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรักนั่นเอง

ทารกอุจจาระมีมูก อาการแบบไหนควรพบหมอด่วน

การดูแลสุขภาพของทารกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะวัยนี้เป็นช่วงที่ร่างกายและระบบทางเดินอาหารยังมีการพัฒนาอยู่ หากพบว่าทารกอุจจาระมีมูก คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจและสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด โดยถ้ามีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ต้องรีบพบหมอในทันที

  1. อุจจาระมีเลือดปน: หากอุจจาระมีเลือดหรือสีแดงปนอยู่ นี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาร้ายแรงในระบบทางเดินอาหาร เช่น การอักเสบ หรือการติดเชื้อ ควรพาไปพบแพทย์โดยเร็ว
  2. อาเจียน: หากทารกมีอาการอาเจียนร่วมด้วย อาเจียนมีสีเขียวหรือแดง ควรพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางเดินอาหาร
  3. ไข้สูง: หากทารกมีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส ควบคู่ไปกับการมีอุจจาระมีมูก อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ นี่คืออาการที่ต้องพบแพทย์ทันที
  4. อาการขาดน้ำ: หากทารกมีสัญญาณของการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง น้ำตาลดลง ไม่ปัสสาวะหรือมีปัสสาวะน้อย ควรไปพบแพทย์ทันที
  5. ซึมและไม่ตื่นตัว: หากทารกดูซึมลง ไม่กระตือรือร้น หรือมีอาการอ่อนเพลียมากกว่าปกติ นี่เป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
  6. อาการท้องอืดหรือเจ็บท้อง: ถ้าทารกร้องไห้ตลอดเวลา มีอาการท้องอืดหรือเจ็บท้องอย่างชัดเจน อาจเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาในระบบทางเดินอาหารนั่นเอง

การที่ ทารกอุจจาระมีมูก มีสาเหตุหลายอย่างที่ควรมองข้าม หากพบอาการที่กล่าวมาข้างต้น คุณพ่อคุณแม่ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อประเมินอาการและรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular