หลังผ่าคลอด สิ่งที่คุณแม่ต้องคอยระวังให้มากที่สุดนั่นก็คือการดูแลแผลผ่าคลอด เพื่อให้ไม่อักเสบและติดเชื้อ คุณแม่หลังผ่าคลอดจะต้องระวังให้มากอิริยาบถไม่ว่าจะเป็น ยืน เดิน นั่ง นอน รวมถึง วิธีลุกจากเตียง หลังผ่าคลอด ลุกท่าไหนถึงจะกระทบกระเทือนแผลให้น้อยที่สุด เพราะการดูแลอย่างถูกต้องจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และลดโอกาสแผลอักเสบติดเชื้อหลังคลอดได้อีกด้วย
วิธีลุกจากเตียง หลังผ่าคลอด ที่ถูกต้อง
หลังผ่าคลอด คุณแม่จะต้องนอนโรงพยาบาลอย่างน้อย 2 – 3 วันเพื่อฟื้นฟูร่างกายและเพื่อติดตามอาการ ซึ่งระยะนี้หากคุณแม่มีอาการเจ็บปวดแผลผ่าคลอดมากเกินไป คุณหมอจะจ่ายยาแก้ปวด ผ่านทางสายน้ำเกลือ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากแผลผ่าคลอด จากนั้นแพทย์ก็จะแนะนำวิธีลุกจากเตียง หลังผ่าคลอด ให้กับคุณแม่อย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนแผล พร้อมแนะนำวิธีดูแลแผลผ่าให้กับคุณแม่อย่างละเอียดเพื่อป้องกัน แผลผ่าคลอดอักเสบ โดยวิธีลุกจากเตียง หลังผ่าคลอด ที่ถูกต้องเวลาลุกหรือนั่งให้ตะแคงตัวเท่านั้น และเมื่อจะลุกก็ให้ค่อย ๆ ใช้มือยันตัวขึ้นในท่าตะแคงตัว รวมทั้งเวลาที่คุณแม่จะนอน ก็ควรใช้ท่าตะแคงตัวตามเดิม เพื่อลดอาการเจ็บแผล และเพื่อไม่ให้ไปกระทบกระเทือนแผลผ่าคลอดอีกด้วย
ลุกจากเตียงผิดวิธี อาจทำแผลแยก อักเสบได้
การคลอดลูกไม่ว่าจะเป็นการผ่าคลอด หรือคลอดโดยวิธีทางธรรมชาติ ต่างก็มีแผลหลังคลอดด้วยกันทั้งนั้น การดูแลแผลหลังคลอดจึงสำคัญมาก คุณแม่ที่คลอดโดยวิธีทางธรรมชาติก็ต้องดูแลแผลฝีเย็บให้ดี ส่วนคุณแม่ที่ผ่าคลอดยิ่งต้องดูแล เนื่องจากการผ่าคลอดแผลจะหายช้ากว่าการคลอดโดยวิธีทางธรรมชาติ ซึ่งการลุกจากเตียงผิดวิธี อาจจะทำให้ แผลผ่าคลอดอักเสบ หรือแยกฉีกขาดได้ เพราะฉะนั้นคุณแม่จะต้องระวังมากเป็นพิเศษ เพราะหากแผลเกิดอักเสบติดเชื้อ หรือแผลแยกขึ้นมาจะต้องทำการเย็บใหม่ และจะทำให้กลายเป็นแผลเป็นได้นั่นเอง
ท่านอนที่เหมาะสมหลังผ่าคลอด
คุณแม่ที่ผ่าคลอดส่วนใหญ่ มักจะกังวลในเรื่องของการดูแลแผลผ่าคลอด เพราะกลัวแผลอักเสบติดเชื้อขึ้นมาจะทำให้เป็นอันตรายได้ เพราะฉะนั้นจะต้องคอยระวังทุกๆ อิริยาบถไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม โดยวิธีลุกจากเตียง หลังผ่าคลอด รวมถึงท่านอนที่ดีและถูกต้อง ก็จะช่วยให้ปลอดภัยให้แผลหายเร็วได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งท่านอนที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่หลังผ่าคลอด ก็จะมีดังนี้
1.ท่านอนหงาย
ท่าที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่หลังผ่าคลอด ที่ทำให้สบาย และปลอดภัยกับแผลผ่าคลอดมากที่สุด ก็คือท่านอนหงาย หากคุณแม่อยากนอนให้สบายมากยิ่งขึ้น ก็สามารถนำหมอนมาหนุนที่ใต้เข่า ถึงแม้ว่าท่านอนหงายจะทำให้ปวดแผลมากเวลาล้มตัวนอน แต่สักพักก็จะหาย ซึ่งวิธีลุกจากเตียง หลังผ่าคลอด หากอยากเจ็บให้น้อยลง เวลาลุกขึ้นให้คุณแม่งอขาและหมุนตัวนอนตะแคง จากนั้นให้ใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวลุกขึ้น อย่าเกร็งหน้าท้อง เพราะจะยิ่งทำให้เจ็บแผลมากขึ้น
2.ท่านอนตะแคง
สำหรับคุณแม่ที่เบื่อจากการนอนหงายมาหลายวัน และอยากจะเปลี่ยนท่านอนที่เหมาะสม ท่านอนตะแคงก็เป็นอีกหนึ่งท่า ที่คุณแม่ผ่าคลอดสามารถนอนได้ การนอนตะแคงยังช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้นด้วย และยังช่วยให้ระบบย่อยของคุณแม่ทำงานได้ดีกว่าเดิม โดยหากนอนตะแคงแล้วรู้สึกเจ็บแผลขึ้นมา ให้คุณแม่ใช้หมอนหนุนตรงที่ท้องเพื่อลดแรงกดน้อยลง ข้อดีในการนอนท่าตะแคงคือ จะช่วยให้ลุกจากเตียงได้ง่ายขึ้น
3.ท่านอนเอนไปด้านหลัง
ถึงแม้ว่าท่านอนเอนหลังกับเก้าอี้หรือโซฟา จะเป็นท่าที่ไม่สบายนัก สำหรับคุณแม่หลังคลอด แต่คุณแม่สามารถใช้ท่านี้งีบหลับเวลาเลี้ยงลูกระหว่างวันได้ เพราะการได้งีบหลับระหว่างวัน จะช่วยให้คุณแม่มีความสดชื่นขึ้น และมีแรงในการเลี้ยงลูกมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ข้อควรระวังที่แม่ผ่าคลอดต้องรู้
โดยปกติแล้ว คุณแม่หลังคลอดจะใช้เวลาหลายสัปดาห์ แผลถึงจะสมานและดีขึ้นตามลำดับ หลังผ่าคลอดในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรก คุณแม่จะต้องระวังแผลให้มากที่สุด เพราะเสี่ยงที่แผลผ่าคลอดอักเสบ ติดเชื้อได้ โดยสิ่งที่คุณแม่จะต้องคอยระวังให้มากเป็นพิเศษ ก็จะมีดังนี้
- ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ เพราะเสี่ยงที่จะอักเสบติดเชื้อได้ โดย 7 วันแรกหลังผ่าคลอด คุณแม่ควรใช้การเช็ดตัวแทนการอาบน้ำ
- ระวังไม่ให้ยกของหนักหรือทำงานหนักจนเกินไป เพราะเสี่ยงที่แผลจะปริหรือฉีกขาด ทำให้ติดเชื้อและเป็นแผลเป็นได้
- หมั่นรักษาทำความสะอาดแผลให้ดี หากพบว่าแผลบวมปริ มีเลือดหรือหนองซึม ควรรีบมาพบแพทย์โดยด่วน
- หลังแผลแห้งสนิทดีแล้ว ถ้าไม่อยากมีแผลเป็น คุณแม่สามารถใช้ครีมซึ่งมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หรือวิตามินอี ทาบริเวณแผลผ่าคลอด เพื่อลบรอยแผลเป็นหลังผ่าคลอดได้
หลังผ่าคลอด คุณแม่จำเป็นจะต้องดูแลแผลผ่าคลอดให้ดี ต้องคอยระวังทุก ๆ อิริยาบถ เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยงแผลผ่าคลอดฉีกขาดหรือปริ โดยวิธีลุกจากเตียง หลังผ่าคลอด อย่างถูกวิธี นั่นก็คือการตะแคงข้าง และใช้มือช่วยค้ำยันตัวทุกครั้งเพื่อลดแรงกดที่แผล การลุกด้วยวิธีนี้จะช่วยให้คุณแม่หลังคลอดปลอดภัยจากแผลฉีกขาด และอักเสบติดเชื้อนั่นเอง
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ