ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ การปรับแก้ พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 ว่าด้วยเรื่องการจัดที่นั่งให้เด็กเล็ก เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยเพิ่มเติมการกำหนดอายุและส่วนสูง
วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
คนโดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด
ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
อ่านฉบับเต็มเพิ่มเติม ที่นี่
จากการปรับแก้ไขพ.ร.บ.จราจรทางบก ว่าด้วยเรื่องการจัดที่นั่งให้เด็กเล็กเพิ่มเติมนั้น แม่รักลูกจึงอยากแนะนำการเลือกคาร์ซีทให้เหมาะสมกับเด็กในแต่ละช่วงวัย เพื่อให้เกิดคามปลอดภัยมากที่สุด
คาร์ซีทที่เหมาะกับเด็กแต่ละช่วงวัย
คาร์ซีทเด็กแรกเกิด ถึงอายุประมาณ 3 เดือน
จะใช้ที่นั่งสำหรับทารก lay-flat travel infant seat รูปทรงเหมือนตะกร้าผลไม้สามารถถอดหิ้วไปไหนมาไหนได้ โดยเด็กจะอยู่ในท่านอน ยกหัวสูงประมาณ 45 องศา
คาร์ซีทเด็กอายุ 4 เดือน ถึง 1 ปี
จะใช้ที่นั่งสำหรับเด็กเล็ก rearward-facing baby seat ซึ่งเด็กจะอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ติดตั้งบนเบาะหลังคนขับและหันหน้าไปด้านหลัง
คาร์ซีทเด็กอายุ 1 ถึง 5 ปี
ใช้ที่นั่งสำหรับเด็กเล็กแบบ forward-facing child seat มีสายรัดจากไหล่ถึงหว่างขา และต้องติดตั้งที่เบาะด้านหลังคนขับ
จากพ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับที่ 13 ที่มีการแก้ไขนั้น ทำให้ผู้ปกครองทุกคนได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเด็กขณะเดินทางมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ทุกการเดินทางของเด็กเป็นไปอย่างปลอดภัยมากขึ้นจากการเลือกคาร์ซีทมาใช้ขณะเดินทาง ยิ่งหากเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยของเด็กแล้วนั้น ยิ่งมีความปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน
บทความน่ารู้เกี่ยวกับคาร์ซีทเพิ่มเติม