กรมควบคุมโรคได้ออกมาให้ข้อมูลว่า โรคฝีดาษลิงเคยระบาดมาแล้วมากกว่า 20 ปี ปัจจุบันสามารถควบคุมได้ด้วยการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ แต่เด็กที่เกิดหลังปี 2523 จะไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงโรคฝีดาษลิงมากกว่ากลุ่มอื่น
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวถึงกรณีที่สหราชอาณาจักรพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงว่า โรคฝีดาษลิงไม่ใช่โรคใหม่ ในอดีตระบาดมาแล้วมากกว่า 20 ปี โดยเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เช่นเดียวกับ ไวรัสที่ทำให้เกิดฝีดาษในคน หรือโรคไข้ทรพิษ ซึ่งคนก็สามารถติดโรคได้จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ การติดเชื้อจากคนสู่คนนั้นแม้ว่าจะมีโอกาสน้อย แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกันจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ ผิวหนังที่เป็นแผล หรืออุปกรณ์ที่ปนเปื้อนเชื้อ เชื้อระยะฟักตัว 7-14 วัน แต่อาจจะนานถึง 21 วันเลยทีเดียว อาการเริ่มแรกคือ มีไข้ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น อ่อนเพลีย จากนั้นจะเริ่มมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจเกิดบนใบหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง สุดท้ายก็จะเป็นสะเก็ดหลุดออกมา ส่วนใหญ่หายเองได้ อาการรุนแรงมักจะพบในกลุ่มเด็ก
อธิบดีกรมการควบคุมโรคกล่าวอีกว่า การป้องกันควบคุมโรคเบื้องต้น ได้แก่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หมั่นล้างมือบ่อยๆ ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ ร้อยละ 85 ซึ่งการปลูกฝีจะช่วยป้องกันทั้งสองโรคนี้ได้ แต่เด็กไทยที่เกิดหลังปี 2523 จะไม่เคยได้รับวัคซีนไข้ทรพิษมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นหลุ่มเสี่ยงต่อโรคฝีดาษลิงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
ที่มา: Thairath