เมื่อสตรีเพศเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายไม่ว่าจะเป็นการมีประจำเดือนซึ่งในปกติจะมาในทุก ๆ 24 – 28 วัน หรือ การเปลี่ยนแปลงของสรีระภายในร่างกายไม่ว่าจะเป็นหน้าอกที่มีการขยายทรงเป็นรูปเป็นร่างขึ้น เอวและสะโพกที่เริ่มมีการผายออก หรือ เรื่องของกลิ่นกายที่เกิดจากฮอร์โมนเพศ หรือจะเป็นส่วนของขนบริเวณน้องสาวที่นับเป็นหนึ่งการเปลี่ยนที่สาว ๆ หลายท่านไม่ทราบว่าจะจัดการอย่างไรดี ควรที่จะโกนขนน้องสาวหรือไม่โกนดี ซึ่งในบทความนี้เราก็จะขอมาเป็นเพื่อนหญิงพลังสาวที่จะมาช่วยทุกท่านได้ทราบและเข้าใจกันว่าการไม่ โกนขนน้องสาว นั้นดีอย่างไร เพื่อใช้เป็นหนึ่งสิ่งในการตัดสินใจว่าจะโกนหรือไม่ดี
5 ข้อดี ของการไม่โกนขนน้องสาว
เราขอเริ่มต้นบทความด้วยการพาสาว ๆ ทุกท่านไปพบกับ 5 ข้อดีของการไม่โกนขนน้องสาวกันก่อนเลย ซึ่งมีดังนี้
- การไม่โกนขนบริเวณจุดซ่อนเร้นเป็นการช่วยลดความระบม หรือ แรงเสียดสีที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะที่มีการร่วมรักหรือการมีเพศสัมพันธ์นั่นเอง
- การไม่โกนขนบริเวณจุดซ่อนเร้นสามารถช่วยลดเชื้อโรคทั้งเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่จะก้าวก่ายเข้าไปสู่อวัยวะเพศได้ ทั้งเชื้อโรคที่เกิดจากความอับชื้นบริเวณจุดซ่อนเร้น หรือ เชื้อโรคที่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ได้
- การไม่โกนขนบริเวณจุดซ่อนเร้นช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดบาดแผลหรือช่วยลดความเสี่ยงในการอักเสบที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ที่โกนขนซึ่งอาจทำให้เกิดบาดแผลได้
- การไม่โกนขนบริเวณจุดซ่อนเร้นช่วยดูดซับส่วนของกลิ่น ส่วนนี้อาจจะขัดกับความเข้าใจเดิมของสาว ๆ หลายท่าน ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเมื่อมีขนบริเวณจุดซ่อนเร้นจะทำให้หลาย ๆ ท่านคิดถึงส่วนของกลิ่นตามมา แต่อันที่จริงแล้วขนบริเวณจุดซ่อนเร้นนี้เป็นขนที่สามารถดูดซับกลิ่นจากจุดซ่อนเร้นไม่ให้กระจายออกไปได้เป็นอย่างดี ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือกลิ่นที่เกิดบริเวณอวัยวะเพศเมื่อมีประจำเดือนนั่นเอง
- การโกนขนน้องสาวช่วยสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ส่วนของเส้นผมหรือเส้นขนในทุก ๆ ที่ทั่วร่างกายของเราจะมีบทบาทช่วยเพิ่มความอบอุ่นหรืออุณหภูมิของร่างกายได้
คำแนะนำในการดูแลจุดซ่อนเร้น สำหรับผู้หญิง
ถัดมาเราก็ขอพาเหล่าสาว ๆ ไปพบกับวิธีดูแลจุดซ่อนเร้นสำหรับคุณผู้หญิงทุกท่าน ซึ่งมีดังนี้
- หมั่นทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นเป็นประจำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน คือ ช่วงเช้าและช่วงเย็น
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลจุดซ่อนเร้นที่เป็นอันตรายต่อจุดซ่อนเร้น ซึ่งมีดังนี้
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารชำระล้างที่เป็นอันตรายทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณจุดซ่อนเร้นอย่างสารทำความสะอาด SLS หรือ SLES
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันเสียที่เป็นอันตรายต่อจุดซ่อนเร้นและร่างกาย อาทิเช่น สารกันเสียในตระกูล Paraben เป็นต้น
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Alcohol แม้ว่า Alcohol จะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี แต่ในส่วนของบริเวณจุดซ่อนเร้นที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Alcohol จึงนับเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการระคายเคืองได้นั่นเอง
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะน้ำหอมเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มีงานวิจัยว่าทำให้เกิดการแพ้มากที่สุด ยิ่งในส่วนของจุดซ่อนเร้นซึ่งเป็นผิวที่มีความบอบบางด้วยแล้วการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพ้นั่นเอง
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสี เพราะสีก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ โดยเฉพาะการแพ้แบบสะสม ซึ่งมีลักษณะของอาการแพ้ที่จะไม่ปรากฎอาการในทันทีเมื่อใช้ในรอบแรก ๆ แต่จะมีการแพ้เกิดขึ้นแล้ว จากนั้นเมื่อการแพ้รุนแรงก็จะปรากฎอาการต่าง ๆ ของการแพ้ขึ้น
- หมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยเมื่อมาประจำเดือนในทุก ๆ 3 ชั่วโมง
- เมื่อมีการเข้าห้องน้ำไม่ว่าจะเป็นการปัสสาวะหรือการอุจจาระให้ล้างให้สะอาด พร้อมทั้งซับบริเวณจุดซ่อนเร้นให้แห้ง
- งดการสวนล้างอวัยวะเพศบ่อย ๆ และเป็นประจำ
- ไม่สวมใส่กางเกงชั้นใน กระโปรงหรือกางเกงที่รัดรูปจนเกินไปแล้วทำให้เกิดการเสียดสีหรือเหงื่อขึ้น
- งดเว้นการกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระ เพราะทุกครั้งที่มีอาการปวดจะมีส่วนของของเสียออกมาอยู่บริเวณทางออก ในส่วนของการปัสสาวะก็คือบริเวณจุดซ่อนเร้นนั่นเอง ในส่วนนี้ก็อาจทำให้ได้รับเชื้อโรคจนเป็นโรคอื่น ๆ ตามมาได้
จากบทความข้างต้นเราจะเห็นว่าเรื่องของจุดซ่อนเร้นเป็นเรื่องสงวนที่สังคมไทยไม่ค่อยพูดถึงกันมากนัก โดยเฉพาะส่วนที่มีความจำเป็นต้องลงดีเทลอย่างการ โกนขนน้องสาว ก็นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่มีการกล่าวถึงกันมากนัก แต่สำหรับสาว ๆ ที่ได้อ่านบทความนี้ก็จะได้พบคำตอบเป็นของตนเองแล้วว่าควรโกนขนน้องสาว หรือไม่โกนขนน้องสาว อย่างไรก็ดีหากสาว ๆ จำเป็นต้องโกนขนน้องสาวก็ควรเลือกที่โกนขนซึ่งมีประสิทธิภาพ รองรับกับสรีระเพื่อลดอาการบาดเจ็บหรืออาการอักเสบที่อาจเกิดจากที่โกนขนได้
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ
- ทำไมต้องแพ้ท้อง..และสิ่งที่ต้องระวัง!!
- 6 ปัญหาผิวช่วงตั้งครรภ์ที่น่ากังวลใจ
- 6 เรื่องแนะนำการดูแลสุขภาพช่วงตั้งครรภ์