อาการก่อนคลอด เป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่มือใหม่ควรทราบไว้ก่อนนะคะ โดยเฉพาะในช่วง 3-4 สัปดาห์ ก่อนคลอด จะเป็นช่วงที่คุณแม่สามารถรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ซึ่งก็เป็นผลมาจากการกระตุ้นของฮอร์โมนที่มาจากมดลูกและทารกในครรภ์ เพื่อเป็นการบอกให้ร่างกายของคุณแม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการคลอดที่จะมาถึงในอีกไม่ช้า สำหรับคุณแม่มือใหม่อาจเป็นกังวลในช่วงเวลานี้เพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ดังนั้นจึงควรสังเกตอาการเหล่านี้ให้ดีนะคะ
อาการก่อนคลอด มีลักษณะ 4 อาการ ดังนี้
1. มีอาการท้องแข็ง
คุณแม่มีอาการท้องแข็ง หรือ เจ็บครรภ์เตือนในช่วง 1 – 2 เดือนสุดท้ายคุณแม่จะรู้สึกว่ามีอาการท้องแข็งบ่อยและแข็งนานขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมดลูกขยายตัวใหญ่ขึ้นและเลื่อนตัวลงต่ำ อาการท้องแข็งนี้จะอยู่แค่ 20-25 วินาทีเท่านั้นและคุณแม่จะไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ จากอาการนี้ อาการท้องแข็งแบบนี้คือการเจ็บครรภ์เตือน แต่ถ้าท้องแข็งถี่ขึ้นเรื่อย ๆ และมีอาการเจ็บท้องตามมาด้วย อาจเป็นอาการเจ็บจริงก็ได้ค่ะ
2. ลูกดิ้นน้อยลง
เนื่องจากทารกเติบโตเร็วมากจนตัวใหญ่คับครรภ์คุณแม่ ปริมาณการดิ้นของลูกจึงน้อยลง คุณแม่ควรนับการดิ้นของลูกให้ดี ถ้าลูกดิ้นน้อยมากหรือหยุดดิ้นไปนาน อาจเกิดความผิดปกติกับทารกในครรภ์แล้วค่ะ คุณแม่สังเกตลูกดิ้นได้หลังจากกินอาหารแล้วลูกควรดิ้นให้ได้อย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไปค่ะ ถ้าน้อยกว่านี้ต้องรีบพบแพทย์ทันทีค่ะ
3. ท้องลด
ช่วงนี้คุณแม่จะหายใจคล่องขึ้นมากเนื่องจากทารกในครรภ์เคลื่อนตัวลงสู่อุ้งเชิงกรานแล้ว อาการนี้จะส่งผลให้คุณแม่ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้นกว่าเดิม เพราะกระเพาะปัสสาวะโดยกดทับมากกว่าเดิม อาการนี้จะเกิดก่อนการคลอดประมาณ 2-3 สัปดาห์ค่ะ
4. มีมูกออกมาทางช่องคลอด
ปกติแล้วมูกนี้จะอุดอยู่ตรงบริเวณปากมดลูก ลักษณะเหนียวข้นสีขาว มีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่โพรงมดลูก มูกนี้จะหลุดออกมาก่อนคลอดประมาณ 1-2 สัปดาห์ค่ะ แต่ถ้ามีมูกออกมาพร้อมกับเลือดให้รีบเดินทางไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ เพราะการคลอดลูกอาจเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงค่ะ
อาการก่อนคลอด ตามลักษณะที่ได้กล่าวมานั้น ถือเป็นสัญญาณว่าการคลอดจะเกิดขึ้นในอีกไม่เกิน 1 เดือนค่ะ ถ้ามีอาการลักษณะแบบนี้เกิดขึ้น หากไม่จำเป็นคุณแม่ไม่ควรเดินทางไปไหนไกล ๆ เพราะการคลอดลูกอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อค่ะ
Photo Cr: thepregnancyzone.com
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ