มาทำความรู้จักและทำความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับ ไวรัส RSV กันค่ะ ในช่วงนี้เด็กเล็กป่วยเป็นโรคนี้กันเยอะมาก เพราะอากาศเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ยังป่วยกันงอมแงม นับประสาอะไรกับเด็กเล็ก ที่นับวันโรคภัยไข้เจ็บจะทวีความรุนแรงและแตกแขนงออกไปมาก โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสRSV นี้ถูกพูดถึงกันบ่อยในช่วงนี้และมีเด็ก ๆ ป่วยเพิ่มมากขึ้นบางรายรุนแรงถึงกับเสียชีวิตก็มีค่ะ
RSV ไวรัสตัวร้ายในเด็กเล็ก
ไวรัส RSV ย่อมาจาก Respiratory Syncytial Virus เป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งถือเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะเด็กเล็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี เพราะเชื้อไวรัสชนิดนี้ทำให้มีเสมหะในปอดเป็นจำนวนมาก จนเกิดการอักเสบบวมของเยื่อบุหลอดลม และทางเดินหายใจ ส่งผลให้เด็กมีอาการหอบเหนื่อยและหายใจได้ลำบาก กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็กและผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ และผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป รวมถึงทารกที่คลอดก่อนกำหนดถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจติดเชื้อรุนแรงกว่าปกติ
การติดต่อ
เชื้อไวรัสRSV เป็นกลุ่มเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อได้ง่าย โดยจะติดต่อกันผ่านทางน้ำลาย น้ำมูก เสมหะ จากฝอยละอองการไอของผู้ป่วย นับเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
1.ทางเดินหายใจส่วนต้นอักเสบ ทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัด มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล คออักเสบ
2.ทางเดินหายใจส่วนล่างอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ บางรายมีไข้สูง หอบเหนื่อย ซึ่งมักเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี
3.กลุ่มอาการที่เสียชีวิตอย่างเฉียบพลันในทารก พบการเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่มักจะมีเชื้อไวรัสRSV อาจมีส่วนร่วมด้วย
อาการของโรค
อาการของผู้ที่ติดเชื้อไวรัส RSV มักจะแสดงออกในระยะเวลา 4 – 6 วัน อาการเบื้องต้นจะพบว่าคล้ายไข้หวัดธรรมดา คือ คัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้ต่ำ ปวดศีรษะ ไอแห้ง เจ็บคอ หากเชื้อโรคลงไปถึงระบบหายใจส่วนล่าง อาการจะรุนแรงมากขึ้น เพราะจะส่งผลให้เกิดโรคปอดบวม โรคหลอดลมฝอยอักเสบ อาการที่แสดงออกเด่นชัด
- มีไข้สูง
- ไออย่างรุนแรง
- หายใจมีเสียงหวีด
- หายใจเร็ว หรือหายใจลำบาก
- บริเวณปากและเล็บมีสีเขียวคล้ำเพราะขาดออกซิเจน
- เบื่ออาหาร
- เด็กเล็กอาจมีอาการหงุดหงิด งอแง หรือบางคนเซื่องซึม
สำหรับเด็กเล็ก หากมีอาการดังต่อไปนี้ต้องรีบส่งโรงพยาบาลในทันที ได้แก่
- ภาวะขาดน้ำ สังเกตได้ว่า เมื่อลูกร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา
- ไอ จาม มีเสหะสีเทา สีเขียวคล้ำ หรือสีเหลืองออกมา
- หายใจลำบาก หายใจเร็วกว่าปกติ เหนื่อยหอบเนื่องจากมีน้ำมูกเหนียวข้นขัดขวางทางเดินหายใจ
- ปลายนิ้วหรือปากเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเพราะเกิดการขาดออกซิเจน
- ทารกที่มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส เซื่องซึม เบื่ออาหาร หรือมีผื่นขึ้น
หากพบอาการดังกล่าวอย่ารอช้า ต้องรีบไปพบคุณหมอโดยด่วนค่ะ
การรักษา
ตามปกติแล้วเด็กที่ติดเชื้อไวรัสRSV จะเป็นการรักษาตามอาการและรักษาแบบประคับประคอง ส่วนใหญ่จะดีขึ้นและหายจากาการป่วยภายใน 1 – 2 สัปดาห์ สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเด็กทารก ผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจหรือโรคปอดเรื้อรัง ส่วนใหญ่จะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
การป้องกัน
1.ล้างมือให้สะอาดก่อนเข้าใกล้ หรืออุ้มเด็กเล็ก
2.หากลูกมีอาการไข้ที่เกิดจากไวรัสRSV ควรพักรักษาตัวให้หายป่วยก่อน ไม่ควรให้ลูกไปโรงเรียนหากยังไม่หายดี เพราะอาจจะไปแพร่เชื้อให้กับเด็กคนอื่นได้
3.หมั่นทำความสะอาดของใช้ภายในบ้าน ของเล่นเด็ก
4.หลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกไปสัมผัสกับคนแปลกหน้า เช่น ไม่ให้คนแปลกหน้าสัมผัส กอด หอมแก้ม เพื่อป้องกันการติดเชื้อโดยอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้
5.ไม่ควรใช้แก้วน้ำร่วมกัน ควรแยกการใช้แก้วน้ำของตัวเอง
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ