จากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงนี้เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว แถมบางวันมีฝนตกลงมาอีกต่างหาก โดยเฉพาะอากาศเย็น เป็นโอกาสเหมาะในการเพาะพันธุ์ของเชื้อ โนโรไวรัส ได้ดียิ่งนัก สังเกตว่าช่วงสองสามวันมานี้มีข่าวเกี่ยวกับการเจ็บป่วยด้วย โรคโนโรไวรัส จำนวนมาก แต่ขอบอกก่อนว่า เชื้อโนโรไวรัสแม้แต่แอลกอฮอล์ยังไม่สามารถฆ่าเชื้อนี้ได้ แบบนี้มาทำความรู้จักโรคโนโรไวรัสอย่างรอบด้านและวิธีป้องกันกันดีกว่านะคะ
ทำความรู้จัก : โนโรไวรัส (Norovirus)
โนโรไวรัส ไม่ใช่ไวรัสใหม่ เดิมชื่อ นอร์วอร์ก ตามชื่อเมืองที่พบครั้งแรกใน อเมริกา ไวรัสนี้มีระยะฟักตัวสั้น 12 – 48 ชั่วโมง เชื้อโนโรไวรัส เมื่อ 3 ปีที่แล้วมีการระบาดในสถานเลี้ยงเด็ก จึงเห็นการป่วยจากไวรัสนี้ชัดขึ้น ยิ่งมีการระบาดในโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนดัง และโรงเรียนนานาชาติ เมื่อพ่อแม่ของเด็กนักเรียนที่ป่วยพาไปตรวจโรคที่โรงพยาบาล จนคุณหมอสามารถตรวจเชื้อได้ จึงรู้ว่าเป็นโนโรไวรัส
ขณะนี้มีการเผยแพร่ข่าวเรื่องการป่วยจากโนโรไวรัสทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็ว จึงเป็นโรคฮิตที่กำลังตื่นตัวของคนในสังคม เพราะมีเด็กป่วยด้วยโรคโนโรไวรัสกันมากขึ้น นับวันอาการป่วยจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นเสียชีวิต
กลุ่มที่เชื้อโนโรไวรัสแพร่ระบาด ส่วนใหญ่เป็นในเด็กอนุบาล หรือ เด็กโตนักเรียนระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา และปัจจุบันโรคโนโรไวรัสเกิดกับผู้สูงอายุอีกด้วยซึ่งถือว่าอันตรายมาก เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
อาการของผู้ได้รับเชื้อโนโรไวรัส
เชื้อโนโรไวรัส ก่อให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหาร หรือลำไส้ทำให้เด็กหรือผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อโนโรไวรัส มีอาการ ดังนี้
- อาการที่เด่นชัด คือ ท้องเสีย ปวดท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาเจียนอย่างรุนแรง
- อาจมีไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และมีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย
- มักจะมีอาการภายใน 12-48 ชั่วโมงหลังจากได้รับเชื้อโนโรไวรัส
- ลักษณะอาการเด่น คือ ท้องเสียและอาเจียน
- โดยปกติผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2-3 วัน
- แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงโดยเฉพาะในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุซึ่งมีภูมิต้านทานต่ำ อาจก่อให้เกิดการขาดน้ำได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำเกลือแร่ โออาร์เอส เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่
- หากรักษาเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น ให้รีบไปพบคุณหมอโดยด่วนเพื่อทำการรักษาได้ทันท่วงที
ข้อควรรู้
ในปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะในการกำจัดเชื้อไวรัสนี้ ทำได้แค่รักษาตามอาการ และยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส
การป้องกัน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้คำแนะนำ ไว้ดังนี้
- โรคนี้สามารถป้องกันได้ง่าย ๆ ด้วยการยึดหลัก “กินร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ”
- โดยล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดล้างให้นานไม่น้อยกว่า 20 วินาที ก่อนรับประทานอาหาร ก่อนใช้มือหยิบอาหาร หรือหลังหยิบจับสิ่งของหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ
- รับประทานอาหารที่ยังร้อน ๆ และปรุงสุกใหม่ ๆ
- ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด
- ใช้ช้อนกลางเสมอ
- ดื่มน้ำสะอาด
- ภาชนะที่ใช้ในการกินและดื่มต้องสะอาด
คำแนะนำเพิ่มเติม
สำหรับเด็ก ๆ ที่ติดเชื้อ ท้องเสียโนโรไวรัส พ่อแม่ควรงดให้ลูกไปโรงเรียน ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการทำอาหารให้ผู้อื่นรับประทาน รักษาให้หายดีเสียก่อน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโนโรไวรัสนะคะ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ