fbpx
Homeการเลี้ยงลูกการดูแลสุขภาพเด็กเด็กเล่นน้ำลาย แบบไหนปกติ แบบไหนอันตรายคุณแม่ต้องรู้

เด็กเล่นน้ำลาย แบบไหนปกติ แบบไหนอันตรายคุณแม่ต้องรู้

เมื่อลูกน้อยมีอายุได้ 4 เดือนขึ้นไป คุณแม่จะสังเกตได้ว่า เด็กเล่นน้ำลาย โดยการเป่าปากส่งเสียงปู้ ปู้ พร้อมกับการพ่นน้ำลายออกมา แม้ในบางครั้งการที่ลูกเล่นน้ำลายและพยายามส่งเสียงดังออกมาด้วย ก็อาจเป็นสัญญานบางอย่างว่าลูกน้อยอาจจะสื่อสารถึงอะไรได้บ้าง คุณแม่มือใหม่อาจจะคิดว่าการที่ลูกเล่นน้ำลายแบบนี้ผิดปกติหรือไม่ แล้วการเล่นน้ำลายแบบไหน ที่จัดว่าเป็นความผิดปกติ อาจจะนำพาไปสู่โรคที่เป็นอันตรายได้ มาติดตามบทความนี้กันต่อเลย

เด็กเล่นน้ำลาย แบบไหนปกติ แบบไหนอันตรายคุณแม่ต้องรู้

เมื่อเด็กเล่นน้ำลาย คุณแม่ไม่ควรห้ามหรือดุลูก เพราะนี่คือพัฒนาการตามวัยของลูกน้อย ควรปล่อยให้ลูกได้เล่นน้ำลายอย่างเต็มที่ โดยคุณแม่ควรดูแลอย่างใกล้ชิด ควรสอนลูกเป่าปากในการฝึกออกเสียงจากการเล่นน้ำลายไปด้วย ก็จะช่วยให้ลูกมีกล้ามเนื้อริมฝีปากที่แข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการพูดของลูกในวันข้างหน้า และนอกเสียจากทารกเล่นน้ำลายที่มีความผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย คุณแม่ควรมีการสังเกตุการเล่นน้ำลายของลูกว่า จะมีอาการที่น่าเป็นห่วงจากโรคอื่นๆ หรือไม่

เด็กเล่นน้ำลาย แบบไหนปกติ

การที่ลูกเล่นน้ำลายในช่วงวัย 3-8 เดือน ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากลูกน้อยอาจจะมีอาการคันเหงือก เพราะฟันกำลังจะงอก จึงทำให้มีอาการน้ำลายไหลย้อยตลอดเวลา นอกจากนี้สาเหตุที่เด็กเล่นน้ำลายเพราะว่าเป็นการพัฒนาการที่จะนำไปสู่การเปล่งเสียง เพื่อให้เป็นภาษาพูด แต่หากลูกน้ำลายไหล คุณแม่ควรเช็ดทำความสะอาดให้ลูกบ่อยๆ เพื่อป้องกันการเกิดผดผื่นเกิดขึ้น

เด็กเล่นน้ำลาย แบบไหนอันตราย

การที่ลูกเล่นน้ำลาย ด้วยการพ่นน้ำลายตลอดเวลา บางครั้งการเล่นน้ำลายอาจจะมีสาเหตุของความเจ็บป่วยบางอย่างซ่อนอยู่ก็ได้ เช่น

ความผิดปกติของช่องปาก

คุณแม่ต้องคอยสังเกต บางทีหากลิ้นลูกเป็นฝ้าขาว อาจจะเกิดจากเชื้อรา จนทำให้มีการอักเสบ หรือจากลิ้นเป็นแผลก็ได้

เกิดจากอาการป่วยด้วยโรคมือเท้าปากเปื่อย

เด็กเล่นน้ำลายอาจจะมีสาเหตุมาจากมีแผลในปาก น้ำลายจึงไหลมาก เนื่องจากเด็กมีอาการเจ็บปวด จึงปิดปากไม่สนิทจึงทำให้น้ำลายไหลย้อยออกมาได้

เด็กน้ำลายไหลย้อย จากสาเหตุติดจุกหลอก

การที่ลูกดูดจุกหลอกนานเกินไป จนทำให้ปากเผยหุบปากไม่สนิท

มีน้ำลายไหลจากการสบฟันผิดปกติ

การที่ลูกมีฟันที่สบกันอย่างผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถปิดปากให้สนิทได้ จึงทำให้น้ำลายไหลตลอดเวลา ควรนำลูกไปปรึกษาทันตแพทย์

เด็กน้ำลายไหลจากการเป็นภูมิแพ้

 ซึ่งเด็กที่เป็นภูมิแพ้ จะทำให้โพรงจมูกจะบวมและตีบแคบ หายใจไม่สะดวก เด็กจึงต้องมีการอ้าปากเพื่อหายใจทางปาก จึงทำให้มีน้ำลายไหล ควรพาลูกไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้

มีน้ำลายไหลจากความผิดปกติของเส้นประสาทควบคุมการเคี้ยวและการกลืน

การที่เด็กเล่นน้ำลาย จึงไม่สามารถกลืนน้ำลายได้จนทำให้มีน้ำลายไหลออกมา ซึ่งเป็นความผิดปกติต่อร่างการค่อนข้างรุนแรง และเป็นต้นเหตุของอาการอื่นร่วมด้วย เช่น โรคสมองพิการ โรคพิษสุนัขบ้า หากพบว่าเด็กสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นประจำ หรืออาจเกิดจากโรคสมองอักเสบก็ได้  แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลใจว่าลูกจะเป็นโรคเหล่านี้ เพราะต้องมีเหตุปัจจัยอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น ทางที่ดีควรนำลูกไปพบแพทย์ เพื่อจะได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและหาทางรักษาต่อไปได้

ข้อดีของการที่ลูกเล่นน้ำลาย

การที่ลูกเล่นน้ำลาย คุณแม่ไม่ต้องกลัวว่าลูกจะเล่นจนติดนิสัยจนโต เพราะแท้จริงแล้วเป็นพัฒนาในช่วงวัยหนึ่งเท่านั้น และการที่ลูกเล่นน้ำลาย ก็เป็นผลดีต่อการพัฒนาการของลูก ซึ่งมีด้านไหนบ้างมาดูกัน

1.ช่วยเรื่องการเคลื่อนไหวของให้ลูก

การที่ลูกเล่นน้ำลาย จะช่วยเรื่องการเรียนรู้ในการเคลื่อนไหว และบังคับให้มีเสียงพูดออกมาผ่านการพ่นน้ำลาย

2.ช่วยให้ริมฝีปากแข็งแรง

เด็กเล่นน้ำลายมีส่วนสำคัญในการส่งผล ถึงการบังคับขณะกินอาหารไว้ ไม่ให้อาหารหรือน้ำไหลออกจากปาก

3.ช่วยพัฒนาการด้านการพูด

เด็กทารกเล่นน้ำลายจะช่วยควบคุมระดับเสียง ซึ่งสังเกตได้ว่าเด็กพยายามทำเสียงต่างๆ ออกมา เมื่อผู้ใหญ่ได้ยินก็จะรู้สึกชอบใจ ซึ่งจริงๆ แล้วเด็กพยายามฝึกเพื่อเลียนแบบเสียงผู้ใหญ่นั่นเอง

4.ช่วยเสริมสร้างขากรรไกรให้แข็งแรง

ลูกเล่นน้ำลาย มีผลต่อการเสริมสร้างขากรรไกรให้แข็งแรง ซึ่งส่งผลดีต่อการเคี้ยวกลืน

5.ช่วยสานสัมพันธ์พ่อแม่ลูก

การที่ลูกเล่นน้ำลาย ทำเสียงโต้ตอบกัน ระหว่างลูกน้อยกับพ่อแม่ หรือพี่น้อง ยังเป็นการเสริมสร้างความผูกพันภายในครอบครัวอีกด้วย

การที่เด็กเล่นน้ำลาย ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพแต่อย่างใด หากพบว่าทารกเล่นน้ำลาย คุณแม่ลองมาเล่นสนุกกับลูก โดยการทำเสียงต่างๆ จากการเป่าปาก เป่าหนังยาง เป่าลูกโป่ง ก็จะช่วยให้ลูกน้ำลายไหลน้อยลง และช่วยให้ลูกรู้จักการเลียนเสียงได้มากขึ้น สำหรับเด็กคนไหนที่ไม่มีการเล่นน้ำลายเลย แต่มีพัฒนาการตามวัยปกติ ก็ไม่มีสิ่งใดต้องเป็นห่วง แต่หากพบว่าลูกมีความผิดปกติจากการที่น้ำลายไหลมาก หรือเด็กไม่มีการเล่นน้ำลายเลย รวมถึงมีความผิดปกติด้านอื่นๆ ด้วยก็ควรนำลูกไปปรึกษาแพทย์

เรื่องอื่นๆ ที่เราแนะนำสำหรับคุณ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular