fbpx
Homeผู้หญิงชาปลายนิ้วมือ เกิดจากอะไร? สังเกตสักนิดอาจเป็นสัญญาณบอกโรค       

ชาปลายนิ้วมือ เกิดจากอะไร? สังเกตสักนิดอาจเป็นสัญญาณบอกโรค       

 อาการ ชาปลายนิ้วมือ ถือว่าเป็นอาการที่ใครหลายคนอาจจะเคยเป็นก็ได้ ซึ่งหากคุณเกิดอาการที่ไม่หนักมาก เป็นแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจจะไม่กระทบกับการดำรงชีวิตเท่าไหร่นัก แต่หากใครที่เกิดอาการนี้บ่อยครั้ง จนถึงขั้นเกิดขึ้นทุกวัน แน่นอนว่าอาการชามือจะต้องไปรบกวนการทำงาน หรือ การดำรงชีวิตของคุณอย่างแน่นอน หากเป็นแบบนี้ ไม่ดีแน่ ๆ เพราะคุณจะทำอะไรไม่สะดวก รวมไปถึงอาการอื่น ๆ ที่อาจตามมาก็ได้ อาจทำให้ใครหลายคน ที่กำลังเป็นอาการแบบนี้ อาจจะวิตกกังวลเลยก็ได้ว่า จะเป็นโรคอะไรต่ออีกหรือไม่ ดังนั้นเรามาหาสาเหตุ ของอาการเหล่านี้กันดีกว่า ก่อนที่จะเป็นหนักกว่าเดิม พร้อมด้วย วิธีรักษาอาการชาปลายนิ้วมือ ให้เร็วที่สุด

ชาปลายนิ้วมือ มีสาเหตุมาจากอะไร

ชาปลายนิ้วมือ หากใครที่เกิดอาการนี้ บอกได้เลยว่า คุณจะต้องใช้ชีวิตประจำวัน แบบไม่เป็นปกติอย่างแน่นอน สาเหตุของการเกิดอาการนี้ก็คือ ความผิดปกติของระบบประสาท นิ้วมือ เท้า เนื่องจากการถูกกดทับ หรือความเสียหายอย่างรุนแรงก็ได้ นอกจากนี้แล้ว อาจเกิดจากการที่คุณนั่ง หรือยืนเป็นเวลานานก็เป็นได้ และที่สำคัญเลยก็คือ อาการชา เกิดจากการขาดวิตามินบี  ทั้ง บี1 บี6 และบี12 กลุ่มคนที่จะเกิดอาการนี้ได้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มของคนวัยทำงาน ที่ใช้ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งทำงานเป็นประจำ เช่น พนักงานออฟฟิตที่ใช้มือพิมงานเป็นประจำ อาจเกิดอาการอับเสบของปลายประสาทได้ อาจเป็นได้ทั้ง 2 ข้างหรือข้างหนึ่งก็ได้

อาการชาปลายนิ้วมือแบบไหน ไม่ควรมองข้าม

การเกิดอาการชาปลายนิ้วมือ หากเป็นการเกิดขึ้นแบบไม่สม่ำเสมอ นาน ๆ ที คุณทั้งหลายอาจไม่ต้องกังวลใจเลยก็ได้ แต่หากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แน่นอนว่า อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน ดังนั้น เราจะสังเกตได้อย่างไรว่า อาการชาที่มือแบบไหนที่ร้ายแรงและไม่ควรมองข้าม มาติดตามอาการที่เกิดขึ้นกันได้เลย หากใครที่เป็นอาการนี้ บอกได้เลยว่า คุณอาจจะต้องไปพบแพทย์หรือหาทางรักษากันแล้ว

  • ความรู้สึกของอาการชาปลายนิ้วมือ ซึ่งเหมือนกับไฟฟ้าช็อต ซึ่งอาการนี้อาจเกิดขึ้นตอนตื่นนอน หรือตอนไหนก็ได้ แบบนี้อันตรายมากเลย ต้องพบแพทย์ด่วน
  • อาการชา ที่ออกแสบออกร้อนปน บริเวณใดก็ได้ อาจจะไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นที่มือเท่านั้น
  • อาการชาจากมือไปจนถึงข้อศอก
  • อาการที่เกิดขึ้นทั้ง 3 อาการ ที่ใช้เวลาในการเป็นอย่างยาวนานในแต่ละวัน อาจบ่งบอกได้เลยว่าเป็นอันตรายมาก ดังนั้นคุณจะต้องหาหมอโดยด่วน เนื่องจากอาจเกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณไหปลาร้าก็ได้

ชาปลายนิ้วมือ เป็นสัญญาณของโรคใดบ้าง

การเกิดขึ้นของอาการชาปลายนิ้วมือ ไม่ใช่เรื่องเล่น หากคุณเกิดอาการนี้อยู่ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือนาน ๆ จะเป็นที อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกโรคหลาย ๆ โรคได้ ซึ่งจะเป็นอาการของโรคแบบไหนบ้าง มาติดตามกันได้เลย

1.โรคปลายประสาทอับเสบ

ร่างกายของเรา จะมีปลายประสาทที่เชื่อมกับร่างกายส่วนต่าง ๆ แต่หากเกิดเป็นโรคนี้ขึ้นมา แน่นอนว่า หากปลายประสาทเกิดการอับเสบขึ้นมา ร่างกายส่วนต่าง ๆ ก็จะทำงานผิดปกตินั่นเอง

2.โรคเรย์นอด

โรคที่เกิดจากการหดตัวของเส้นเลือดแดง ทำให้เลือดไปเลี้ยงตามร่างกายได้ไม่เต็มที่

3.โรคเบาหวาน

ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน อาจเกิดความเสียหายจากเส้นประสาทได้ ทำให้เกิดอาการชาปลายนิ้วมือ หรือนิ้วเท้าได้

4.โรคพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ

โรคนี้ถือว่าเป็นการถูกกดทับที่เส้นประสาทจากพังผืด ทำให้เกิดอาการชาตามมือหรือเท้าที่ตามมาก็ได้

5.โรคเส้นเอ็นข้อมืออักเสบ

ก็คือสาเหตุจากอาการชามือนั่นเอง ซึ่งมีผลต่อเส้นเอ็นเช่นกัน

วิธีการรักษาอาการชาปลายนิ้ว

สำหรับ วิธีรักษาอาการชาปลายนิ้วมือ ก็มีหลากหลายวิธี หากเกิดอาการขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่าคุณอาจจะต้องแก้ไขเบื้องต้น ด้วยการขยี้มือเพื่อให้เส้นประสาทไม่เกิดการกดทับ งดการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการใช้มือ เช่น ยกของหนัก เป็นต้น เพื่อลดอาการชาที่เพิ่มขึ้น รับประทานยาเพื่อลดอาการอักเสบ ฉีดยาในส่วนของคนที่รับประทานยาแล้วไม่ได้ผล ผ่าตัด เป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อรักษาอาการที่เกิดขึ้น

ป้องกันอาการชาได้อย่างไร

นอกจาก วิธีรักษาอาการชาปลายนิ้วมือ ที่เกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าเราก็ยังมีวิธีการป้องกันเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เกิดขึ้น คือการรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 1 บี 2 บี6 ลดการใช้มือหรือแขนทำงานหนักเกินไป หรือคุณเองก็อาจจะต้องดูแลรักษาร่างกายคุณให้ดีอีกด้วย เพื่อป้องกัน การเกิดขึ้นของอาการดังกล่าว

แน่นอนว่า อาการ ชาปลายนิ้วมือ อาจเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราเองก็จะต้องป้องกันให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดอาการที่รุนแรงขึ้น ทางที่ดีไปกว่านั้นก็คือ การหยุดยั้งไม่ให้เป็นอาการเหล่านี้จะดีกว่า การรักษาที่ต้นเหตุ น่าจะระงับอาการได้ดีกว่าการรักษาที่ปลายเหตุแน่นอน  แต่หากใครที่เป็นอาการนี้แล้ว อย่านิ่งนอนใจ อย่าคิดว่าเดี๋ยวก็หาย เพราะหากเป็นต่อเนื่อง คุณอาจจะต้องเจอกับโรคแทรกซ้อนร้ายแรงเพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้

เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular