การกรน เกิดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หากกรนเสียงเล็ก ๆ ยังไม่เป็นอันตราย หากเป็นการกรนเสียงดังแล้ว คุณแม่พึงระวังไว้ว่าเจ้าตัวเล็กน่าจะเกิดปัญหาสุขภาพเสียแล้ว ถ้ามองข้ามปัญหานี้จะส่งผลต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกาย และสติปัญหา ยิ่งมีอาการหยุดหายใจขณะหลับร่วมแล้ว ความน่าเป็นห่วงก็ไม่แพ้ผู้ใหญ่ที่มีอาการลักษณะเดียวกันเลย
สาเหตุของการนอนกรนของลูก
สาเหตุของการนอนกรนทั้งในเด็กและผู้ใหญ่จะคล้ายกัน คือมีการอุดกั้นของทางเดินหายใจจนเกิดเสียง แต่ในเด็กนั้นเกิดได้จากต่อมน้ำเหลือง ต่อมทอนซิล และต่อมอะดีนอยด์โตขึ้น ทำให้เกิดการอุดกั้นนั่นเอง นอกจากนี้การนอนกรนในเด็กยังเกิดได้จาก โรคภูมิแพ้ และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หากเป็นเด็กอ้วนที่นอนกรนเพราะไขมันรอบคอเยอะ เมื่อหลับกล้ามเนื้อก็หย่อนตัว ไขมันไปกดทับทางเดินหายใจมาก ส่งผลให้ ลูกนอนกรน
วิธีแก้ไขเมื่อลูกนอนกรน
หากได้ยินเสียงกรนของเจ้าตัวน้อยแล้ว คุณแม่ควรเช็คดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ต้องดูจากสภาพแวดล้อมภายในห้องของลูกรักว่ามีสิ่งขัดขวางการหายใจหรือไม่ อาทิ อากาศถ่ายเทไม่สะดวก แสงส่องตา อากาศร้อนหรือหนาวเกินไป หรือมีสิ่งปิดทับการหายใจ (หมอน, ผ้าห่ม) หรือดูว่าเจ้าตัวเล็กมีน้ำมูกหรือไม่ บางครั้งน้ำมูกก็เป็นตัวการทำให้เด็กนอนกรนได้เหมือนกัน วิธีการแก้ไขเมื่อลูกนอนกรนคือ เปลี่ยนท่านอนตะแคงเพื่อเปิดช่องคอ
ลูกนอนกรน ส่งผลเสียด้านใดบ้าง
ถ้าปล่อยให้ลูกนอนกรนจะส่งผลต่อสุขภาพ มีอาการนอนหลับไม่สนิท หลับไม่ลึก ร่างกายพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการตามวัย เพราะจะมีผลต่อการหลั่ง Growth Hormone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กที่จะหลั่งออกมาในตอนหลับสนิทกลางดึกเท่านั้น เมื่อตื่นขึ้นมาลูกน้อยจะไม่สดชื่น ไม่กระปรี้กระเปร่า อ่อนเพลีย งัวเงีย อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการเรียนรู้ สมาธิสั้น ความจำไม่ดี ก้าวร้าว ซนกว่าปกติ
การนอนกรน ยังมีผลเสียอีกมากมาย เช่น การนอนกรนจากสาเหตุต่อมอะดีนอยด์โต ทำให้กระดูกเพดานปากโก่งสูงมีโอกาสฟันหน้ายื่นผิดรูป หรือเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ จากอาการหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย เพราะการหยุดหายใจตอนหลับส่งผลให้ออกซิเจนในเลือดลดลง หัวใจจึงทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย หากคุณแม่ปล่อยให้อาการนี้เกิดขึ้นนาน ๆ ลูกน้อยจะมีอาการหัวใจโต และอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเสียชีวิตได้เลยค่ะ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ