เราเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่คงเคยผ่านการเป็นโรคอีสุกอีใสกันมาแล้ว แต่จะจำอาการได้หรือไม่ได้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเป็นช่วงใด ถ้าเป็นตั้งแต่เด็กก็อาจจะจำไม่ได้เลยคิดว่าโรคนี้น่ากลัว ทั้งที่จริงแล้วอาการอีสุกอีใสไม่ได้น่ากลัวและร้ายแรงอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ควรปล่อยปะละเลยโดยไม่ดูแลรักษา จริงอยู่ที่โรคอีสุกอีใสไม่ได้น่ากลัวแต่อาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ต่างหากที่น่ากลัวและต้องเฝ้าระวังเอาไว้ค่ะ
โรคอีสุกอีใสเกิดจากเชื้อไวรัสสามารถติดต่อถึงกันได้โดยการสัมผัสและทางอากาศ (แผลหรือสะเก็ดของแผลปลิว) อาการเบื้องต้นของโรคอีสุกอีใสคือการมีไข้ ตัวร้อน ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว เหมือนอาการไข้ทั่วไป แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือการมีตุ่มแดงขึ้นตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายและกลายเป็นตุ่มใส ๆ ในระยะเวลา 6-8 ชั่วโมง และจะค่อย ๆ กลายเป็นตุ่มสีขาวขุ่นเหมือนน้ำข้าวที่เรียกว่าตุ่มสุกและก็จะตกสะเก็ดซึ่งจะใช้ระยะเวลารวมทั้งสิ้นประมาณ 10 วัน และสะเก็ดจะค่อย ๆ หลุดลอกออกไปเองจดหมดภายใน 1 อาทิตย์ ตุ่มที่ขึ้นนั้นหนักเบาอยู่ที่แต่ละบุคคล บางคนมีตุ่มขึ้นแค่บางจุดแต่บางรายตุ่มขึ้นเต็มทั้งตัว
การรักษานอกจากการทายาแก้คัน คุณพ่อคุณแม่ควรป้อนยาลดไข้พาราเซตามอลชนิดน้ำให้เขาทานเพื่อลดไข้ก็เพียงพอแล้ว พยายามหลีกเลี่ยงให้ทานแอสไพรินหรือยาแก้ปวดชนิดอื่น ๆ
การทำความสะอาดตัวของลูกยามที่เขาเป็นอีสุกอีกใสนั้นสามารถดำเนินการได้เหมือนปกติ เพียงแต่ต้องเบามือเพื่อไม่ให้กระทบถูกแผล การเป็นอีสุกอีใสนั้นจะทำให้ลูกไม่สบายตัวและจะเกาไปตามเนื้อตามตัวเนื่องจากอาการคัน คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นทายาแก้คันเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเกาจนกลายเป็นแผลเป็น
เพื่อเป็นการป้องกันในเบื้องต้น คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยไปฉีดเพิ่มภูมิต้านทานเพื่อป้องกันโรคอีสุกอีสุกอีใสที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ การฉีดวัคซีนป้องกันจะทำให้เด็กมีภูมิต้านทานคุ้มกันโรคอีสุกอีกใสตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม โรคอีสุกอีใสสามารถกลับมาเป็นครั้งที่ 2 ได้ หากไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่เริ่มแรก แม้จะมีเปอร์เซ็นเกิดขึ้นได้น้อยก็ตามค่ะ
จาก : แม่รักลูก Photo Credit : skepticnorth.com