“ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” แม้กระทั่งตั้งครรภ์แล้ว คุณแม่ยังคงดูแลตัวเองต่อไป ไม่ยอมให้ผิวหน้าโทรมเกินวัยแน่นอน แต่คำเตือนจากแพทย์หรือคุณแม่หรือรุ่นพี่ต่างบอกว่า ช่วงนี้ไม่ควรใช้ยารักษาสิวเลยนะ มันไม่ปลอดภัยกับลูกในครรภ์ของเธอเลย ด้วยเหตุที่แท้จริงแล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถใช้ยารักษาสิวได้ แต่…. ต้องรู้ถึงส่วนประกอบของยารักษาสิวที่เลือกใช้ว่าปลอดภัยกับทารกในครรภ์หรือเปล่า?
ยารักษาสิว ที่ห้ามใช้ขณะตั้งครรภ์ มีดังนี้ค่ะ
ยาแต้มสิวที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่สามารถใช่ได้คือ ยาที่อยู่ในกลุ่มกรดวิตามินเอ (Isotretionin) มีราคาแพงไม่พอยังมีข้อแทรกซ้อนสูง คือ ทำให้ปาก – ตาแห้ง ปวดศีรษะ ปวดข้อ ไขมันในเลือดสูง เป็นกลุ่มยาพิเศษที่ต้องได้รับการสั่งจ่ายโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เพราะมีข้อบ่งชี้ในการใช้ยาชัดเจน คือ ใช้เฉพาะในสิวที่รุนแรง สิวหัวช้าง, สิวที่ดื้อต่อการใช้ยาปฏิชีวนะ และสิวที่ทำให้เกิดแผลเป็นอย่างรุนแรงบนใบหน้า ซึ่งสามารถทำให้ทารกในครรภ์มีโอกาสพิการได้อย่างมาก อันตรายต่อทารกในครรภ์คือ ทำให้ศีรษะโตหรือเล็กผิดปกติ ในหน้าและตาผิดปกติ ปัญญาอ่อน หรือหัวใจผิดปกติได้
ส่วนกลุ่มยารับประทานรักษาสิว ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ห้ามรับประทานคือ เตตร้าซัยคลีน (Tetracyclire) ข้อเสียแรกคือ มีผลเสียต่อตับ และทำให้ฟันน้ำนมของทารกมีสีเหลืองเข้มถึงคล้ำ และเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ด้วย หรือยากลุ่มฮอร์โมนที่ไม่ควรใช้ เช่น Spironolactone, Cyproterone acetate ระหว่างกินยาชนิดนี้ก็ห้ามตั้งครรภ์ เพราะลูกน้อยในท้องที่เป็นเพศชายคลอดออกมาจะมีลักษณะคล้ายเพศหญิง
หากช่วงตั้งครรภ์หรือคุณแม่มีปัญหาเรื่องสิวรังควานใจอยู่แล้ว ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางว่า เตรียมตัวจะผลิตทายาทแล้ว คุณหมอจะงดจ่ายผลิตภัณฑ์หรือยาที่มีส่วนผสมของสารต้องห้ามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ไว้ล่วงหน้า 2 – 3 เดือน เพื่อให้ร่างกายคุณแม่ขับสารตกค้างออกมาให้หมดก่อนการตั้งครรภ์ หรือใช้นวัตกรรมการรักษาสิวแบบใหม่ทดแทน ส่วนการรักษาสิวโดยใช้สมุนไพรไทยในการรักษาปัญหาสิวนั้นยังทำได้อยู่ เพราะสมุนไพรไทยที่ใช้รักษาสิวไม่ได้อยู่ในรูปของการรับประทาน แต่เป็นการพอกผิวมากกว่า จึงปลอดภัยและไร้สารเคมี
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ