เลือกครีมกันแดดให้ลูก แบบไหนดีนะ
รังสี UV ในแสงแดด เป็นตัวการทำลายผิว ครีมกันแดดจึงถูกพัฒนาและคิดค้นมาให้ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด เพราะหากผิวถูกแดดเผาเป็นเวลานาน สะสมต่อเนื่อง จะทำให้ผิวคล้ำ แห้งเหี่ยว ก่อนวัย ระบบภูมิคุ้มกันลดลง การโดนรังสี UV มากไปจะทำให้เยื่อบุตาและกระจกตาอักเสบเกิดต้อเนื้อ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งที่ผิวหนังได้อีกด้วย สำหรับลูกน้อยที่ผิวบอบบาง ยิ่งต้องการการดูแลและปกป้องมากเป็นพิเศษ แต่ครีมกันแดดที่วางขายอยู่หลากหลายยี่ห้อนั้น มีค่า SPF และ ค่า PA ที่แตกต่างกันไป แล้วเราจะเลือกแบบไหนดีนะ
“SPF” หรือ “Sun Protection Factor” ซึ่งเป็นค่าที่บอกระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์กันแดดนั้นสามารถปกป้องผิวเราจากรังสี UVB ว่านานแค่ไหน เช่น ถ้าผิวเราทนแดดได้แค่ 10 นาที แล้วเราใช้สารกันแดดที่มีค่า SPF เท่ากับ 35 ก็หมายความว่า จะช่วยให้ผิวเราทนแดดได้นานขึ้น 35 เท่า คือทนแดดได้ 350 นาที
“PA” หรือ “Protection Grade of UVA” หมายถึง ค่าที่บ่งบอกว่าสารกันแดดชนิดนี้สามารถกันรังสี UVA ได้ในระดับไหน ค่า PA นั้นจะมี 3 ระดับคือ PA+,PA++ และ PA+++
- PA+ สำหรับผู้ที่ต้องการปกปกแสงแดด จากกิจกรรมทั่ว ๆไป (อาจจะไม่ได้เจอกับแสงมากนัก)
- สำหรับใครที่จะต้องเจอกับแสงแดดเป็นเวลาหลายชั่วโมง ให้เลือก PA++ หรือ สูงกว่านี้
- PA+++ นั้นสำหรับผู้ที่ต้องการ การปกป้องสูง (เจอกับแสงแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน)
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะได้รับจากแสงแดด หากคุณพ่อคุณแม่มีความจำเป็นที่จะต้องพาลูกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ควรจะต้องทาครีมกันแดด เพราะ รังสี UV มีพลังงานที่สูง แพทย์ผิวหนังแนะนำว่า [su_highlight]ครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับเด็ก ควรจะมีค่า SPF35 และ PA++ [/su_highlight] เพราะยิ่ง SPF และ PA สูงมาก ยิ่งมีส่วนประกอบของสารกันแดดมาก โอกาสแพ้ก็จะง่ายกว่า แต่ควรทาบ่อยครั้งขึ้น เช่นทา 1 ครั้งตอนเช้า และตอนเที่ยงทาอีก 1 ครั้ง เป็น ต้น
[su_quote]สำหรับเด็กทารกวัย 0-6 เดือน ไม่ควรทาครีมกันแดด เพราะเด็กในช่วงวัยนี้ผิวยังบอบบางอยู่มาก หากใช้ครีมกันแดดอาจทำให้ผิวแพ้ได้ง่าย ทางที่ดีควรใช้วิธีหลีกเลี่ยงแสงแดดจะดีที่สุดค่ะ[/su_quote]
Photo Credit : metro.co.uk
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ