ปัจจุบันมีผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานมากขึ้น และยังมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นทุกๆ ปี ในประชากร 10 คนจะพบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานถึง 2 คน นับว่าเป็นโรคที่มีผู้ป่วยสูงมาก โรคเบาหวานเป็นโรคที่เมื่อป่วยแล้ว จะเพิ่มภาวะแทรกซ้อนโรคต่างๆ ตามมาอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หลอดเลือด และโรคไต โรคเบาหวานเป็นโรคที่ไม่สามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้ แต่ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้สูงเกินไปได้ ด้วยการ ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เรามาเช็ก อาการโรคเบาหวาน ว่าเป็นอย่างไร ลองสังเกตตัวเองด่วนว่าคุณมีแนวโน้มจะเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ หากรู้ไวเราจะได้รักษาโรคได้ทันท่วงที ก่อนที่จะมีภาวะแทรกซ้อนโรคอื่นๆ ตามมา
อาการโรคเบาหวาน เป็นอย่างไร
โรคเบาหวานถือเป็นภัยเงียบที่ค่อยๆ ก่อตัวอย่างเงียบๆ โดยผู้ป่วยจะไม่มีอาการอะไรที่บ่งบอกว่ากำลังจะเป็นโรคเบาหวาน จนกระทั่งมีโรคแทรกซ้อนแล้วมาพบหมอ เมื่อรู้ตัวก็มักจะสายไปแล้ว กลายเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างเต็มตัว เพราะฉะนั้นต้องหมั่นสังเกตตัวเอง หากมีอาการดังต่อไปนี้เกิดขึ้น นั่นกำลังเป็นสัญญาณบอกว่าคุณกำลังจะป่วยเป็นโรคเบาหวานก็เป็นได้
- ปัสสาวะบ่อย อาการโรคเบาหวาน ขั้นเริ่มต้นมักจะมีสัญญาณปัสสาวะบ่อยๆ ถึงบ่อยมาก เนื่องจากว่ากระบวนการกรองน้ำตาลในเลือดที่สูงมากออกมาทางปัสสาวะ และไตที่มีหน้าที่กรองของเสียก็จะทำหน้าที่ดึงน้ำออกมาด้วย ผู้ป่วยที่มีระดับน้ำตาลสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะปวดปัสสาวะบ่อยเท่านั้น ทำให้ต้องคอยเข้าห้องน้ำบ่อยๆ หลายครั้งต่อคืนเลย
- คอแห้งบ่อยๆ อีกหนึ่ง อาการเบาหวาน ที่เราสามารถสังเกตได้นั่นก็คือ เรามักจะมีอาการคอแห้งบ่อยๆ เนื่องจากว่าร่างกายได้เสียน้ำไปจากการปัสสาวะบ่อยๆ นั่นเอง ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ส่งผลทำให้เรารู้สึกว่าคอแห้ง และต้องการดื่มน้ำบ่อยๆ
- เป็นแผลง่าย หายยาก ผู้ที่มี อาการโรคเบาหวาน หากมีแผลเกิดขึ้นตามร่างกายแล้วมักจะหายยาก หายช้ากว่าปกติ ถึงแม้ว่าจะเป็นแผลที่เล็กมากก็ตาม
- ตามัว ชาปลายมือ ปลายเท้า มีอาการชาตามปลายประสาท ตามปลายนิ้วมือ นิ้วเท้าบ่อยๆ
- มีอาการคันตามผิวหนัง โดยที่หาสาเหตุไม่เจอ
- หิวบ่อย กินจุ มีอาการหิวบ่อยๆ และมักจะกินจุมากขึ้น เนื่องจากร่างกายขาดพลังงาน จึงทำให้รู้สึกหิวบ่อยขึ้น
- อาการโรคเบาหวาน มีอาการอ่อนเพลีย และน้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน
เมื่อเราทานอาหารเข้าไป ร่างกายก็จะสลายอาหารบางส่วนเป็นน้ำตาล (กลูโคส) และปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด และเมื่อน้ำตาลในเลือดสูง จะส่งสัญญาณให้ตับอ่อนหลังอินซูลินออกมา ซึ่งอินซูลินจะทำให้หน้าที่ในการทำให้น้ำตาลในเลือดเข้าสู่ร่างกาย เพื่อใช้เป็นพลังงาน โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถใช้งานได้ดีเท่าที่ควร และเมื่ออินซูลินไม่เพียงพอ หรือเซลล์หยุดการตอบสนองต่ออินซูลิน ก็จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูง และหากน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาเช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต ตามัว และอาจสูญเสียการมองเห็นได้
วิธีการรักษาเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การดูแลรักษาโรคเบาหวานจะต้องอาศัยการร่วมมือทั้งจากแพทย์ และผู้ป่วย ที่สำคัญที่สุดคือตัวผู้ป่วยเองจะต้องคอยดูแลควบคุมอาหาร และตระหนักถึงความสำคัญในการรักษา โดยผู้ป่วยจะต้องเข้าใจก่อนว่า โรคเบาหวานเป็นโรคที่ไม่สามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถที่จะควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ หรือใกล้เคียงมากที่สุด ผู้ที่ป่วยโรคเบาหวาน สามารถใช้ชีวิตประจำวัน และทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ แต่ทั้งนี้จะต้องควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การรักษาอาการโรคเบาหวาน ผู้ป่วยจำเป็นจะต้องให้ความร่วมมือและทำตามคำแนะนำของแพทย์ โดยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด และการติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ผู้ป่วยก็สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว
การป้องกันโรคเบาหวาน
โรคเบาหวาน เราสามารถป้องกันได้ ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิตประจำวัน ป้องกันอย่างไรไม่ให้เสี่ยงโรคเบาหวานเรามาดูวิธีกัน
1.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
เลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นทานอาหารประเภทผัก ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ มากขึ้น พร้อมลดอาหารประเภทไขมันสูง ของหวาน ของมัน และของเค็ม
2.หลีกเลี่ยงน้ำตาลเทียม
ถึงแม้ว่าการใช้น้ำตาลเทียมจะสามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีจริง แต่จะทำให้ติดหวาน และมีความอยากกินของหวานมากเท่าเดิม หรือมากขึ้นกว่าเดิมอีก
3.พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยลดความเหนื่อยล้า และอยากทานของหวานมากขึ้น นอกจากนี้การทำจิตใจให้แจ่มใส ลดความเครียด ก็จะช่วยให้ห่างไกลอาการโรคเบาหวาน ได้เช่นกัน
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ออกกำลังกายด้วยวิธีใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น การเดิน การวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ อย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
5.ลดแอลกอฮอล์ และบุหรี่
ไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุทำให้น้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นนั่นเอง
หากสังเกตตัวเองว่ามีอาการโรคเบาหวาน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาแนวทางในการรักษาอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร เพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และทานยารักษาตามที่แพทย์แนะนำ เพียงเท่านี้ผู้ป่วยก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ