หนึ่งในรสชาติอาหารและเครื่องดื่มที่ถูกปากต้องใจเหล่าสาว ๆ หนุ่ม ๆ และเด็ก ๆ ก็ต้องเป็นรสชาติแห่งความหวานอย่างแน่นอน เมื่อเราบริโภคความหวานแบบเกินพอดีและติดต่อกันเป็นเวลานานก็เป็นที่มาของโรคร้ายต่าง ๆ โดยหนึ่งในผลเสียของความหวานที่เรามักได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ กินหวานแก่เร็ว ในบทความนี้เราจึงขอพาคุณไปพบว่าประโยคนี้จริงหรือไม่ และหากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ติดหวานมากจะลดความหวานได้อย่างไร
กินหวานแก่เร็ว จริงหรือไม่
กินหวานแก่เร็วนั้นเป็นเรื่องที่มีการพิสูจน์ในวงการวิทยาศาสตร์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเหตุผลตามลำดับดังนี้
1.ความหวานเคลื่อนจากอาหารสู่ผิว
ความหวานที่ได้จากการรับประทานอาหารสามารถเคลื่อนที่เข้าไปแทรกซึมตามผิวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงผิวพรรณของคนเรา
2.ความหวานรวมตัวกับองค์ประกอบของผิว
กินหวานแก่เร็วผิวพรรณของเราที่มีองค์ประกอบเป็นคลอลาเจนและอิลาสตินซึ่งจะจับตัวกับความหวานเหล่านั้น แล้วเกิดเป็นสารประกอบใหม่ขึ้นภายในผิวหนังของเราที่เรียกว่า แอดวานซ์ไกลเคชันบายโปรดัก
3.แอดวานซ์ไกลเคชันบายโปรดักกับสารประกอบตัวร้ายทำลายผิวพรรณ
แอดวานซ์ไกลเคชันบายโปรดักสามารถถูกออกซิไดส์ได้ง่ายมากทั้งจากมลภาวะ แสงแดด ฝุ่น ควันที่ผิวของเราเผชิญในแต่ละวัน และกลายเป็นออกซิเด้นในร่างกาย
4.ออกซิเดนกับปฏิกิริยาลูกโซ่สุดอันตราย
เมื่อเกิดออซิเดนตัวที่หนึ่งขึ้นในร่างกาย ออกซิเดนตัวที่หนึ่งก็จะเหนี่ยวนำเซลล์รอบ ๆ ข้างให้กลายเป็นออซิเดนตัวที่สอง สาม สี่ และห้า ตามลำดับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หรือ ที่เราเรียกว่าปฏิกิริยาลูกโซ่
5.ปฏิกิริยาลูกโซ่ทำให้แก่
เมื่อเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็จะเกิดออกซิเดนจำนวนมากในผิวพรรณของเราตามมา ซึ่งออกซิเดนเหล่านี้นำมาซึ่งความเหี่ยวย่น ริ้วรอยทั้งร่องตื้นและร่องลึก ดังนั้นกินหวานแก่เร็วจึงเป็นเรื่องจริงอย่างที่เราปฏิเสธไม่ได้เลย
วิธีลดการกินหวานให้น้อยลง เพื่อป้องกัน กินหวานแก่เร็ว
สำหรับการกินหวานหน้าแก่ก็ย่อมเป็นสิ่งที่หลาย ๆ ท่านพยายามอยู่ให้ห่าง แต่เมื่อชีวิตยังติดหวานเราก็มีเทคนิคเคล็ดลับในการกินหวานให้น้อยลงมาฝากกัน โดยมีดังนี้
1.ลดสัดส่วนความหวานในแต่ละมื้ออาหารลง เราจะพบว่าการกินหวานแก่เร็วก็จริง แต่หลาย ๆ ท่านที่งดหวานก็อาจตายได้เลย ตายในที่นี้ก็หมายถึงการตายของจิตใจที่จะห่อเหี่ยวแบบเฉียบพลัน ดังนั้นคุณจึงควรลดก่อนและค่อยงดตามลำดับ
2.ใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความหวานแทนน้ำตาล อย่างความหวานจากหญ้าหวานก็เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่สามารถมาทดแทนส่วนของรสชาติ โดยไม่เพิ่มส่วนของแคลอรีและโรคภัยให้กับคุณได้ แถมยังช่วยให้คุณห่างไกลจากกินหวานหน้าแก่อีกด้วย
3.การเน้นบริโภคโปรตีนชั้นดีที่ได้จากปลาแซลมอน หรือ ธัญพืชต่าง ๆ ทั้งถั่วลิสง งา หรือเมล็ดอัลมอนด์ โดยโปรตีนชั้นดีเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายเกิดความอิ่มที่นาน ไม่เกิดความอยากที่จะนำไปสู่ความอยากการกินหวานขึ้น
4.การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หากคุณติดการดื่มน้ำหวานมาก่อน คุณอาจค่อย ๆ ปรับจากน้ำหวานมาเป็นน้ำผสมอุทัยทิพย์แล้วไปเป็นน้ำเปล่าในที่สุด
ผลเสียอื่นๆ จากการกินหวานมากเกินไป
ถัดมาเราก็ขอพาทุกท่านไปพบกับข้อเสียอื่น ๆ ของการบริโภคความหวานที่เกินพอดี หรือ การบริโภคความหวานที่ติดต่อกันเป็นเวลานาน นอกจากการกินหวานหน้าแก่ ซึ่งมีดังนี้
1.รูปร่างไม่สมส่วน
ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากความหวานที่เกินพอดีจะถูกสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างหน้าท้อง แขน และขา เกิดเป็นรูปร่างที่ไม่สมส่วนขึ้น
2.ฟันผุ
เรามักถูกคุณหมอฟันตักเตือนตั้งแต่เด็กว่าไม่ควรอมลูกอม หรือ กินของหวานแบบจุกจิก ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากความหวานที่กินเข้าไป จะเกิดการสะสมในช่องปาก หากหลังกินไม่ได้แปรงฟันหรือบ้วนปากอย่างเหมาะสม และความหวานที่หลงเหลือนี้เองที่จะกลายเป็นอาหารของแบคทีเรีย และแบคทีเรียเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุนั่นเอง
3.สิวขึ้น
กินหวานแก่เร็วยังไม่พอ ความหวานยังมีส่วนทำให้เกิดสิวที่มากกว่าเดิมในผู้ที่มีปัญหาสิวอยู่แล้วอีกด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากความหวานจะทำให้เกิดการอุดตันจากการแบ่งเซลล์ที่มากกว่าปกติจากการเหนี่ยวนำ Insulin-Like Growth Factor 1
กินหวานแก่เร็ว และมีอาหารอะไรอีกบ้างที่ทำให้แก่เร็ว
อาหารที่ทำให้แก่เร็วที่คุณควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้
1.อาหารสำเร็จรูปอย่างเบคอน ไส้กรอก หรือ แหนม เป็นต้น
2.เครื่องดื่ม Alcohol
3.เครื่องดื่มที่มีความหวานสูง
4.อาหารที่ผ่านการทอดซ้ำ ๆ
5.อาหารที่มีไขมันปริมาณมาก
ความหวานยังคงเป็นหนึ่งรสชาติที่ตราตรึงประสารทรับรสของเราเสมอมา แต่ความหวานที่มากเกินพอดีก็เป็นที่มาของการกินหวานแก่เร็ว ดังนั้นในส่วนนี้ความพอดีและความสมดุลจึงเป็นคำตอบที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของคุณที่ส่งผลต่อไปยังสุขภาพผิวและยังส่งผลต่อไปยังส่วนของสภาพจิตใจได้อีกด้วย และเราก็มีเทคนิคเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับวิธีลดการกินหวานให้น้อยลงเพื่อให้คุณได้นำไปปรับประยุกต์ใช้ตามวิธีของตนเองต่อไป
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ
- แม่ท้องควรบริโภคไอโอดีนเพื่อช่วยพัฒนาสมองลูกในครรภ์
- 3 สิ่งสำคัญที่มีผลต่อสมองลูกน้อย
- พัฒนาการสมองของลูกยามหลับ (วัยแรกเกิด – 6 เดือน)