โควิด-19 เป็นโรคระบาดที่มีความรุนแรงอย่างมากในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้รับเชื้อและได้รับการรักษาจนหาย ซึ่งอาการป่วยโรคโควิด-19 ของแต่ละคนมีความรุนแรงของอาการแตกต่างกันไป เช่นเดียวกับเมื่อหายจากอาการติดเชื้อ การฟื้นฟูของร่างกายที่ต่างกันออกไป หลายคนหายจากการติดเชื้อแล้วก็กลับมาเป็นปกติมีภูมิที่แข็งแรง แต่บางคนกลับมี อาการลองโควิด ซึ่งเป็นอาการที่ทำให้ร่างกายไม่กลับสู่ภาวะสุขภาพที่เคยแข็งแรงตามปกติ โดยมักจะพบได้ในผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาแบบผู้ป่วยนอกประมาณ 35 % และในผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องรักษาแบบผู้ป่วยในมากถึง 87% วันนี้เราเลยมีข้อมูลเกี่ยวกับภาวะอาการลองโควิด มาแนะนำใครเป็นบ้างไปเช็คกันเลยดีกว่า พร้อมกับวิธีการ รักษาลองโควิด เพื่อไม่ให้กลับมามีอาการลองโควิด อีกครั้งจะเป็นอย่างไรนั้นเราไปดูกันเลย
อาการลองโควิด คืออะไร
อาการลองโควิดหรือเรียกได้อีกอย่างว่า POST-COVID SYNDROME มีอาการคล้ายกับตอนที่ติดเชื้อโควิด-19 หรืออาจเป็นอาการใหม่ที่ไม่เคยเป็นตอนที่ติดเชื้อ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อและมีอาการหนักถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวมากกว่า แต่อาการลองโควิด ก็สามารถเกิดได้ในผู้ติดเชื้อที่มีอาการน้อยได้ด้วยเช่นกัน โดยอาการลองโควิด ที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นได้ยาวนานถึง 3 เดือนหรือมากกว่าก็ได้
อาการลองโควิด เป็นอย่างไร
อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าอาการลองโควิด เป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากหายป่วยจากการเป็น โควิด-19 ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากการอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น หลับไม่สนิท มักจะตื่นในช่วงเวลากลางคืนบ่อย ๆ ทำให้สมองไม่สดชื่น ความจำไม่ดีเหมือนเดิม มีอาการหลงลืมอยู่บ่อย ๆ
- ผู้ป่วยจะมีอาการรู้สึกเหมือนยังมีไข้อยู่ตลอด ทั้งที่ร่างกายของเราไม่ได้มีเชื้อ โควิด-19 แล้ว
- มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือมีผลกระทบทางจิตใจหลังจากที่เผชิญสถานการณ์รุนแรง เนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19 เป็นโรคระบาดที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้หลายคนเกิดความเครียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก
- อ่อนเพลียเรื้อรัง เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ บ่อย ๆ
- อีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อยก็คือ ผู้ป่วยมักจะปวดตามข้อ รู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ตามเนื้อตัว หรือปลายมือ ปลายเท้า
ทำอย่างไรเมื่อมีอาการลองโควิด
เพราะการติดเชื้อโควิด-19 นำไปสู่กลไกการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และเกิดการอักเสบในร่างกาย จำเป็นต้องอาศัยยาต้านไวรัสช่วย แต่ภูมิคุ้มกันและการอักเสบก็อาจจะยังไม่หายเป็นปกติ ประกอบกับภาวะทางร่างกายอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนหลังจากได้รับยากดภูมิเป็นเวลานาน จึงเกิดเป็นผลข้างเคียงที่ได้รับจากยา และเกิดเป็นอาการลองโควิด เมื่อมีภาวะลองโควิดให้คุณปฏิบัติดังต่อไปนี้
- ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง เนื่องจากตอนมีเชื่อโควิด และระหว่างการเป็นลองโควิดอาจจะมีอาการที่แตกต่างกัน การรักษาจึงอาจแตกต่างกันออกไปด้วย
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง ให้กลับมามีภูมิคุ้มกันของร่างกายที่แข็งแรงยิ่งขึ้น
- ติดตามอาการป่วยของตนเองอยู่ตลอดเวลา เพราะคุณยังคงอยู่ในภาวะเสี่ยงที่อาจทำให้กลับมาป่วยได้อีกครั้ง
- แยกตัวเองอยู่บ้านและหลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้อื่นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสที่อาจเกิดขึ้น
ป้องกันอย่างไร ไม่ให้เป็นลองโควิด
อาการลองโควิด เราสามารถป้องกันได้ด้วยตนเองง่าย ๆ สำหรับใครที่ไม่อยากเสี่ยงเป็นลองโควิด หลังจากที่หายป่วยจากการติดเชื้อโควิดสามารถป้องกันได้ด้วยตนเองด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรง ต้องได้รับยาต้านไวรัส และนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ๆ ต้องได้รับออกซิเจน หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ และควรได้รับการดูแลต่อเนื่องจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของระบบทางเดินหายใจ เพื่อช่วยให้ไม่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะลองโควิดที่จะตามมานั่นเอง
- แม้จะหายดีแล้ว หากเกิดมีอาการผิดปกติชัดเจน เช่น ไข้สูง ไอมาก หอบเหนื่อย เจ็บแน่นหน้าอก หน้ามืดเป็นลม แขนขาอ่อนแรง หรือมีภาวะเร่งด่วนที่ต้องดูแลรักษาทันที เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย มีลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ หรือว่าอาจเป็นโรคที่เกิดขึ้นใหม่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคทันที
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ ควรกลับเข้ามารับการประเมินสุขภาพให้ครบถ้วนอีกครั้ง และควรรับการรักษาโรคประจำตัวนั้น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา
ทั้งหมดนี้ก็เป็นอาการและข้อสังเกตของการเกิดลองโควิดที่เราได้รวบรวมข้อมูลมาฝาก ดังนั้นหากใครที่เคยเป็นโควิดมาก่อน และกังวลว่าตนเองจะเสี่ยงเป็นลองโควิด สามารถตรวจเช็คสุขภาพตนเองได้ตามที่เราแนะนำข้างต้นได้เลย หากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องและกลับมามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงนั่นเอง ที่สำคัญเมื่อหายดีแล้วควรหมั่นดูแลสุขภาพให้ดีด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ