ลูกหมูสามตัว ไม่ได้เป็นเพียงการนับแต่เป็นชื่อของนิทานที่ผู้ใหญ่หลายท่านต้องเคยได้ยินได้ฟังมาอย่างแน่นอน ด้วยความสนุกสนานผ่านตัวละครลูกหมูทั้ง 3 ตัวในเรื่อง พร้อมแง่คิดของเรื่องที่น่าสนใจ นิทานเรื่องลูกหมูสามตัวจึงเป็นนิทานที่คุณพ่อคุณแม่นิยมเล่าให้ลูกน้อยฟัง และ ในบทความนี้เราก็ขอพาคุณพ่อคุณแม่ไปรำลึกถึงนิทานเรื่องนี้กัน
เนื้อเรื่องนิทานอีสป ลูกหมูสามตัว
นิทานอีสปเรื่องลูกหมูสามตัวเป็นนิทานที่มีตัวละครหลักเป็นลูกหมูที่สามารถพูดคุย รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เฉกเช่นเดียวกับคนเลย โดยนิทานเรื่องลูกหมูสามตัวจะเริ่มจากครอบครัวหมูครอบครัวหนึ่งที่ประกอบด้วยพ่อหมู แม่หมู และ ลูกหมู 3 พี่น้อง เมื่อลูก ๆ ทั้ง 3 ตัวโตขึ้น บ้านพักอาศัยที่เคยอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นทั้ง 5 ตัวก็ดูคับแคบลง และเพื่อการมีครอบครัวเป็นของตัวเองของลูกหมูสามตัว พ่อหมูและแม่หมูจึงปรึกษาหารือกัน และ ได้ข้อสรุปที่ว่าลูกหมูทั้งสามนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความสามารถในการดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเพื่อการตระเตรียมการมีครอบครัวของตัวเองในอนาคต พ่อหมูและแม่หมูจึงให้ลูกหมู 3 พี่น้องไปสร้างบ้านเพื่อการอยู่อาศัยของตนเองคนละหลัง หลังจากที่ 3 หมูพี่น้องได้ยินดังนั้นก็ตอบตกลงและร่วมสำรวจเพื่อหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างบ้านของตนเอง โดย 3 หมูพี่น้องสร้างบ้านในพื้นที่ที่สามารถไปมาหาสู่กันได้สะดวก
แต่ลูกหมูทั้ง 3 ตัวใช้วัสดุและระยะเวลาในการสร้างบ้านของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป โดยพี่หมูนั้นสร้างบ้านโดยใช้วัสดุเป็นใบจากร่วมกับใบไม้ชนิดอื่น ๆ เพียงอาศัยแค่การวางขัดกันให้มั่นคง พี่หมูจึงใช้เวลาไม่นานในการสร้าง เมื่อพี่หมูสร้างบ้านเสร็จก็เดินออกไปสำรวจบ้านที่น้อง ๆ ทั้งสองสร้าง เมื่อพี่หมูเดินไปยังสถานที่สร้างบ้านของลูกหมูตัวกลางก็พบว่าใช้วัสดุไม้ในการสร้างบ้าน ซึ่งต้องมีกรรมวิธีการตอกจึงทำให้สร้างบ้านได้ช้ากว่าตน เมื่อพี่หมู และ หมูตัวกลางสร้างบ้านเสร็จแล้วก็เดินต่อไปยังบริเวณที่ลูกหมูตัวสุดท้องสร้างบ้านแล้วพบว่าบ้านของลูกหมูตัวสุดท้องไม่เพียงยังไม่แล้วเสร็จแต่ยังสร้างไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากลูกหมูตัวสุดท้องใช้อิฐเป็นวัสดุในการสร้างบ้านและอิฐก็มีกรรมวิธีการก่อที่ต้องก่อทีละก้อนทาปูนทีละชั้นจึงอาศัยเวลาในการสร้างเป็นอย่างมาก พี่ ๆ ทั้งสองจึงกล่าวทีเล่นทีจริงหยอกล้อลูกหมูตัวสุดท้องถึงระยะเวลาและวัสดุที่เลือกมาใช้ในการสร้างบ้าน เมื่อลูกหมูทั้งสามตัวสร้างบ้านเสร็จก็พักอาศัยในบ้านของตัวเองอย่างสงบสุข แต่ความสงบสุขนี้ก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อมีหมาป่าผ่านมาแล้วออกเคาะบ้านของเหล่าลูกหมูเพื่อนำตัวลูกหมูออกมากินเป็นอาหาร
โดยหมาป่าเริ่มจากบ้านของพี่หมูคนโตก่อน พี่หมูคนโตก็ตกใจและกลัวมากจึงแอบอยู่ในบ้าน เพียงพริบตาเดียวเจ้าหมาป่าก็เป่าบ้านพี่หมูจนไม่เหลือซาก พี่หมูจึงรีบวิ่งไปบ้านหมูตัวกลางพร้อมเล่าเรื่องหมาป่าให้ฟัง ยังไม่ทันที่เสียงเล่าจบ หมาป่าก็มาเคาะบ้านลูกหมูตัวที่ 2 ปรากฎว่าลูกหมูตัวที่ 2 ก็ไม่เปิดประตูเช่นกัน หมาป่าจึงทำลายบ้านของลูกหมูด้วยการเป่าอีกเช่นกน ลูกหมูทั้งสองตัวจึงรีบวิ่งไปยังบ้านของลูกหมูตัวสุดท้อง และเป็นเช่นเดิม ยังไม่ทันสิ้นเสียงเล่าหมาป่าก็มาเคาะประตู ซึ่งในส่วนนี้หมาป่าก็จะเป่าทำลายบ้านของลูกหมูตัวที่ 3 เช่นกัน แต่ด้วยตัวบ้านที่เป็นอิฐก่อปูนวางเรียงทีละแผ่นอย่างแน่นหนา ทำให้หมาป่าไม่สามารถทำลายบ้านหลังนี้ได้ และ ยอมจากไปในที่สุด จากนั้นหมูทั้งสองก็หันไปสร้างบ้านแบบลูกหมูตัวที่ 3 กัน
ข้อคิดสอนใจที่ได้จากนิทานเรื่อง ลูกหมูสามตัว
นิทานอีสปเรื่องลูกหมูสามตัวนั่นให้ข้อคิดในส่วนของการวางแผน ความตั้งใจและความพยายามผ่านตัวละครของลูกหมูตัวสุดท้อง อีกทั้งยังสอนเรื่องความรักความผูกพันธ์ระหว่างพี่น้องผ่านช่วงที่ลูกหมูสามตัวรวมตัวกันเพื่อความอยู่รอดในบ้านของลูกหมูตัวสุดท้อง
ชวนแม่มาเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน ปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน
ลูกหมูสามตัวเป็นนิทานในดวงใจที่สร้างความสนุก ฝึกความคิด และ มีคำสอนให้แก่ลูกน้อย นอกจากนี้หากคุณแม่เล่านิทานจนเป็นกิจวัตรก็จะเป็นการฝึกทักษะการอ่าน การพูด การเล่า แล้วนำไปสู่การรักการอ่านที่จะเกิดขึ้นตามธรรมชาตินั่นเอง
โลกของนิทานอีสปกับโลกแห่งจินตนาการ โลกแห่งการเรียนรู้แบบไม่สิ้นสุด และ โลกแห่งคำสอนแง่คิด ที่ทุกท่านต้องเคยผ่านมาแล้วอย่างแน่นอน รวมไปถึงการผ่านการได้ยินได้ฟังในส่วนของนิทานเรื่องลูกหมูสามตัวที่ถูกถ่ายทอดกันแบบรุ่นต่อรุ่น ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของรูปลักษณะของตัวละครให้กับยุคบ้าง แต่แก่นแท้ของนิทานเรื่องลูกหมูสามตัวก็ยังคงเป็นเช่นเดิม และ นิทานเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรเก็บไว้ในลิสต์นิทานต้องเล่าให้ลูกน้อยฟังก่อนนอน
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ
- แม่ท้องกินอาหารด้อยโภชนาการส่งผลต่อเด็กระยะยาว
- อาหารและเครื่องดื่มที่คุณแม่ท้องไม่ควรทาน
- แม่ท้อง กินอาหารแบบนี้ไม่ดีนะจ๊ะ