เป็นอีกหนึ่งความทรมานที่หลายคนต้องเผชิญ และต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นอาการ ปวดหัวรุนแรง ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก หากปล่อยให้อาการปวดหัวคลัสเตอร์ทิ้งไว้เป็นเวลานาน อาจจะส่งผลในระยะยาวได้ วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกับอาการ ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ ว่าคืออะไร มีความรุนแรงมากแค่ไหน แล้วเราจะสามารถรักษาได้อย่างไร พร้อมกับสาเหตุของอาการ ปวดหัวรุนแรง ตลอดจนการป้องกันอาการปวดต้องทำอย่างไร
ทำความเข้าใจกับอาการ ปวดหัวแบบคลัสเตอร์
ปวดหัวแบบคลัสเตอร์คือ อาการปวดหัวที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติไตรเจอร์มินอลและต่อมไฮโพทาลามัสที่ทำงานผิดปกติ เป็นอาการที่สามารถพบได้น้อย โดยส่วนใหญ่แล้วจะพบในกลุ่มผู้ชายที่มีอายุเฉลี่ย 40 ปีในผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการร่วมแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพของแต่ละคน สำหรับระยะเวลาปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์จะกินเวลานานกว่าปกติ ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงเป็นต้น ในหนึ่งวันจะมีอาการปวดประมาณ 1-8 ครั้งต่อวัน แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ หรือปวดหัวเรื้อรังจะมีอาการทุกวันติดต่อกันนานถึง 3 เดือนเลยทีเดียว
ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ รุนแรงมากแค่ไหน
ปวดหัวแบบคลัสเตอร์จะมีอาการปวดหัวข้างเดียว มีอาการปวดบริเวณรอบดวงตา ด้านหลังดวงตา ลามไปบริเวณอื่นที่อยู่ด้านเดียวกัน เช่น หน้าผาก ฟัน คอ หัวไหล่ เป็นต้น ผู้ป่วยบางรายอาจเห็นแสงวูบวาบก่อนมีอาการ ปวดหัวรุนแรง ซึ่งถือเป็นอาการปวดหัวที่มีความรุนแรง และเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและไม่มีสัญญาณเตือน อาการดังกล่าวมักจะเกิดขึ้นนานประมาณ 15 นาที ถึง 3 ชั่วโมง บางรายอาจมีอาการมากถึง 8 ครั้งต่อวัน ซึ่งอาการปวดจะรุนแรงถึงขั้นทำให้ตื่นหลังจากที่นอนหลับไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง
สาเหตุของอาการปวดแบบคลัสเตอร์
ในปัจจุบัน ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด สันนิษฐานว่ามีสาเหตุมาจากการทำงานผิดปกติของสมองส่วนไฮโปทาลามัส ที่มีหน้าที่ควบคุมระดับฮอร์โมน อุณหภูมิ การนอนหลับ และความดันภายในร่างกาย ที่อาจทำให้เส้นเลือดบริเวณใบหน้าขยายใหญ่ขึ้นจนไปกดทับเส้นประสาทบนใบหน้า และกระตุ้นความรู้สึกไปยังสมองมากผิดปกติ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ ตลอดจนสาเหตุอื่น ๆ ดังนี้
- เกิดเนื้องอกในสมองหรือต่อมใต้สมอง
- กลิ่นฉุน เช่น น้ำหอม สี น้ำมันเบนซิน เป็นต้น
- การสูบบุหรี่
วิธีรักษาและบรรเทาอาการปวด
สำหรับวิธีการรักษาอาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงบรรเทาอาการปวดด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
- รักษาอาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ ด้วยยาแก้ปวดซึ่งจะต้องเป็นยาแก้ปวดเฉพาะ เท่านั้นเนื่องจากยาแก้ปวดที่เราใช้กันโดยทั่วไปนั้นจะใช้เวลาในการออกฤทธิ์นาน ซึ่งยาเฉพาะที่ใช้ในการรักษาก็คือ ทริปแทน มีทั้งแบบกิน แบบพ่น และแบบฉีด ใช้เวลาออกฤทธิ์ประมาณ 15 นาที หรือ ไดไฮโดรเออร์โกตามีน ใช้บรรเทาอาการปวด โดยออกฤทธิ์เร็วภายใน 5 นาที ไม่สามารถใช้ร่วมกับยากลุ่มทริปแทนได้ หรืออาจจะเป็น ยาชาเฉพาะที่ที่เรียกว่า ยาลิโดเคน ช่วยบรรเทาอาการปวดโดยการสูดดม ตลอดจน ออกทริโอไทด์ เป็นการใช้สารสังเคราะห์ฮอร์โมนโซมาโตสแตติน สามารถใช้บรรเทาอาการปวดได้ในผู้ป่วยบางราย
- รักษาโดยการใช้ออกซิเจน การรักษาด้วยออกซิเจนเป็นการรักษาทางเลือก โดยให้ออกซิเจนบริสุทธิ์ผ่านทางหน้ากากออกซิเจนเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด ส่งผลทางการรักษาภายใน 15 นาที เป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง
- การผ่าตัด เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาที่แพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดหากรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวเรื้อรัง หรือผู้ป่วยที่มีอาการข้างเคียงจากการรักษาด้วยวิธีอื่น การผ่าตัดจะทำให้เส้นประสาทบนใบหน้าถ่ายทอดความรู้สึกไปที่สมองไม่ได้ การรักษาด้วยวิธีการนี้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้ คือ เกิดอาการชาบริเวณใบหน้าอย่างถาวร จึงต้องตัดใจให้ดีว่าจะรักษาด้วยวิธีนี้หรือไม่
ป้องกันการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ได้อย่างไร
เมื่อเรายังไม่ทราบสาเหตุของอาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์อย่างแน่ชัด จึงไม่อาจระบุวิธีป้องกันอย่างแน่ชัดได้เช่นกัน แต่เราก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดหัวเบื้องต้นได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการอยู่บนที่สูง หรือสถานที่ที่มีความร้อน
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีกลิ่นแรง
- ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ และไม่ใช้สารเสพติดอื่น ๆ
จากภาพโดยรวมแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นอาการปวดหัวที่มีความทรมานเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นหากใครที่กำลังกังวลว่าตัวเองจะอยู่ในกลุ่มของผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวรุนแรงแบบคลัสเตอร์ สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เลย เพื่อจะได้รับการรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม อย่างไรก็ตามเพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดอาการปวดหัวแบบรุนแรง ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดหัวที่รุนแรงได้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลาเพื่อการมีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอนั่นเอง
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ