ปัญหาหนึ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่พบกันมากคือ ท้องผูกและริดสีดวง สาเหตุเกิดจากร่างกายของคุณแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบหลายอย่าง ฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวช้าลง รวมถึงขนาดของมดลูกที่ใหญ่ขึ้นไปกดทับลำไส้ ทำให้จังหวะการเคลื่อนไหวของลำไส้เปลี่ยนแปลง ยิ่งอายุครรภ์เพิ่มมากขึ้น อาการท้องผูก ที่พบก็หนักขึ้นเช่นกัน เนื่องจากน้ำหนักและขนาดของมดลูกที่เพิ่มมากขึ้น ได้กดทับเส้นเลือดดำบริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่สะดวก ยิ่งคุณแม่ที่มีอาการท้องผูกก่อนหน้านี้แล้ว โอกาสที่จะพัฒนาสู่ริดสีดวงก็มีสูง หากคลอดเด็กแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะทุเลาลงเองค่ะ
อาการท้องผูกและริดสีดวงขณะตั้งครรภ์อันตรายไหม?
อาการท้องผูกและริดสีดวงไม่ใช่โรคอันตรายหรือรุนแรงสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกน้อยโดยตรง แต่สร้างความเจ็บปวดและไม่สบายตัวให้คุณแม่มากกว่า หากเสียเลือดจากการเป็นริดสีดวงประจำแล้ว อาจเกิดภาวะซีดสำหรับคุณแม่ได้
ดูแลรักษาอาการท้องผูกขณะตั้งครรภ์
วิธีลดอาการท้องผูกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ไม่ควรทานยาระบาย เพราะลำไส้จะเกิดความเคยชินต่อการใช้ยากระตุ้น ทำให้อาการยังคงเรื้อรังต่อไป เปลี่ยนเมนูอาหารแต่ละวันเพื่อเพิ่มกากใยในการขับถ่ายจะดีกว่า เพราะกากใยร่างกายไม่สามารถย่อยได้ จึงถูกขับถ่ายออกจากร่างกาย และมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี ทำให้ตัวใยอาหารมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 4-6 เท่า เรียกว่าเป็นการเพิ่มปริมาตรและน้ำหนักให้กับอุจจาระ และยังช่วยดูดซับสารตกค้างต่าง ๆ เพื่อขับออกจากร่างกาย และควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้ 6 – 8 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยกระตุ้นเรื่องการขับถ่ายเช่นกัน
การทานผักและผลไม้ให้มากขึ้นจะช่วยเพิ่มใยอาหาร ทำให้ขับถ่ายสะดวก เช่น ถั่วแดงหลวง เมล็ดบัว ดอกแค มะเขือพวง สะเดา ถั่วฝักยาว ข้าวโพด มะขามหวาน แพชชั่นฟรุท กล้วยน้ำว้า มะม่วงแรดดิบ ส้มเขียวหวาน ข้าวกล้อง สิ่งเหล่านี้เป็นอาหารที่มีใยอาหารค่อนข้างมาก หากทานระหว่างวันก็ช่วยเรื่องการขับถ่ายเช่นกัน ในการทานผักต่อวันควรได้มื้อละ 1-2 ทัพพี หรือจะเลือกทานอาหารที่มีใยอาหารเยอะตามที่กล่าวไว้ ก็ทานให้ประมาณ 25-30 กรัม/วัน ปัญหาเรื่องท้องผูกที่ทำให้ไม่สบายตัวสำหรับคุณแม่ก็จะลดลง
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ