ระยะเวลาที่คุณแม่ตั้งครรภ์นับเป็นช่วงรอยต่อของชีวิตทารกเลยก็ว่าได้ หากคุณแม่เลือกรับประทานอาหารตามโภชนาการแล้ว ทารกในครรภ์ก็จะได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วร่างกายของคุณแม่และทารกเองก็จะแย่ไปด้วย ช่วงนี้คุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องรับประทานอาหารให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะสารอาหารจะถูกแบ่งไปใช้กับคุณแม่และคุณลูก หากคุณเลือกรับประทานอาหารที่ดีร่างกายของคุณและลูกในครรภ์ก็จะดีไปด้วยค่ะ
โภชนาการที่ดีสำหรับคุณแม่
แม้อาหารจำพวกทอดทุกรูปแบบ รวมถึงอาหารที่มีไขมันสูงจะไม่ควรเป็นตัวเลือกในช่วงนี้ เพราะทำให้คุณแม่อ้วนง่ายขึ้น อีกทั้งการออกกำลังกายหรือทำงานหนักเป็นเรื่องยากสำหรับคนท้อง แต่ไขมันก็มีประโยชน์ต่อการดูดซึมวิตามินเอและอีเพื่อนำไปใช้ในร่างกายอีกด้วย สิ่งที่คุณแม่รับประทานทุกอย่างเพื่อทารกในครรภ์นั้น ไม่ว่าจะดีหรือไม่ล้วนแล้วแต่จะส่งผลต่อร่างกายของคุณแม่แน่นอน
และเพื่อเป็นการป้องกันน้ำหนักตัวที่เกินอย่างผิดปกติ คุณแม่ควรลดอาหารจำพวกทอดหรือไขมันสูง แต่ไม่ใช่ว่าห้ามไม่ให้ทานไขมันเลยนะคะ คุณแม่ควรเลือกทานไขมันชนิดไม่อิ่มตัว หรือไขมันจากพืช เมล็ดพืช เช่น อโวคาโด พืชตระกูลถั่วเมล็ดทานตะวัน ส่วนไขมันจากปลาก็ได้แก่ ปลาที่ไม่ติดส่วนมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เป็นต้น
ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ น้ำหนักของคุณแม่ควรเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 11.5-16 กิโลกรัม คุณแม่ควรเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และมีความหลากหลาย ที่สำคัญควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพียงเท่านี้ก็เป็นผลดีกับคุณแม่และทารกในครรภ์เป็นอย่างมาก
โภชนาการที่ดีเพื่อลูก
หากคุณแม่ตั้งครรภ์หมดระยะแพ้ท้องกับอาการเหม็นอาหารต่าง ๆ แล้ว ถึงช่วงเวลาสวรรค์สำหรับการรับประทานอาหารได้เต็มที่ คุณแม่ควรเลือกอาหารจำพวกโปรตีนให้มาก โดยเฉพาะโปรตีนจากเนื้อสัตว์ น้ำนม ไข่ และปลา เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ส่งผลต่อการสร้างเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อของทารกในครรภ์ และวิตามินเอที่มีในตับ ไข่แดง มีส่วนช่วยในการพัฒนาเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงเบตาแคโรทีนภายในผักสีเหลืองและสีส้มอีกด้วย
สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ โฟเลต จากผลไม้ ผักใบเขียว ถั่วต่าง ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงที่ทารกในครรภ์จะผิดปกติได้ด้วย แคลเซียมมีส่วนสำคัญในการพัฒนากระดูกและฟันของทารก คุณแม่ควรเลือกนมที่มีปริมาณแคลเซียมสูง หรือรับประทานอาหารจำพวกปลาตัวเล็ก กุ้งแห้ง งา เครื่องในสัตว์ ควบคู่กันไป ไอโอดีนและสังกะสีมีความสำคัญเพราะช่วยป้องกันโอกาสที่ทารกคลอดแล้วจะตัวเล็กผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการเรียนรู้ หรือมีโอกาสพิการ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ