ผู้ใหญ่วัยทำงานหลายคนชอบบอกว่า “อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง” เพราะไม่ต้องเครียดกับหน้าที่การงานและสังคม ไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ให้ยุ่งยาก คุณคงไม่คิดสินะ ว่าเด็กเขาก็เครียดตามวัยเหมือนกัน ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคุณแต่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับเด็ก เด็กก็มีความเครียดได้โดยเฉพาะช่วงเข้าโรงเรียนอนุบาลใหม่ ๆ การปรับตัวจากการอยู่แค่กับพ่อและแม่มาเป็นสังคมใหม่ทั้งหมด เป็นช่วงที่เด็กต้องปรับตัวให้ได้ และเกิดการเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นหรือจากครอบครัวได้เช่นกัน
ในปัจจุบันหลายๆ ครอบครัวมักส่งเสริมการฝึกฝนของลูกมากขึ้น อาทิ ด้านดนตรีและศิลปะ หรือกีฬา และวิชาการ เมื่อเหล่าบรรดาแม่ๆทั้งหลายได้พูดคุยกันย่อมเกิดการเปรียบเทียบ และเริ่มกดดันให้เด็กเรียนรู้กิจกรรมต่าง ๆ ไว้เป็นความสามารถส่วนตัวเพิ่มขึ้น ลูกน้อยที่ไม่เคยโดนบังคับมาก่อนจะเกิดความกดดันขึ้นได้ เมื่อเด็กคนอื่นมีความสามารถที่หลากหลาย จึงถูกชื่นชมจากครูและคนรอบตัว สิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งแรงกดดันของลูก เพราะเขาคิดว่าครูจะต้องรักเพื่อนคนนั้นมากกว่า เพื่อนๆ ของเขาต้องชอบเด็กคนนั้นมากกว่า ในบางรายกลายเป็นเด็กหลีกหนีสังคมไปเลยก็มีค่ะ
วิธีการดูแลลูกน้อยให้เติบโตอยู่ร่วมกับสังคมได้คือ “ความเอาใจใส่” โดยเฉพาะช่วงเข้าอนุบาลใหม่ ๆ ในสัปดาห์แรก เมื่อคุณไปรับเขากลับบ้าน การพูดคุยกับเด็กถึงสิ่งที่ได้พบเจอในแต่ละวันทำให้คุณได้ทราบว่า เด็กได้เรียนรู้สิ่งใดและได้เจอความกดดันใด ๆ หรือไม่ ถ้าคุณต้องการปลูกฝังความสามารถใหม่ ๆ ให้ลูกน้อย ควรถามเขาก่อนว่าอยากเรียนหรือไม่ และให้เขาได้ลองเรียนรู้อย่างเต็มที่ ถ้าเขาไม่สนุกกับการเรียนรู้แล้วไม่ควรบังคับต่อไป เพราะเด็กจะไม่มีความสุขและไม่พร้อมเปิดรับสิ่งนั้นอีกต่อไปแล้ว
การฝึกเด็ก ๆ ให้รู้จักกับปัญหาที่เผชิญและเรียนรู้วิธีรับมือกับความเครียด ทำได้จากการเล่าประสบการณ์ของคุณว่าเคยเจอมาอย่างไร และแก้ปัญหาแบบไหน อาทิ ตอนพ่อเด็ก ๆ ก็เรียนไม่เก่งเหมือนลูกนะ แต่พ่อวาดรูปสวยแถมร้องเพลงเพราะด้วย แถมมีเพื่อนดี ๆ อีกตั้งเยอะแหนะ เพื่อให้เขาได้รู้ว่าไม่จำเป็นต้องเก่งเหมือนคนอื่น ก็ได้รับความรักและสนใจจากเพื่อน ๆ ได้เหมือนกัน
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ