โรคสมองพิการหรือ Cerebral Palsy(CP) เป็นโรคที่เกิดกับเด็กได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ซึ่งเด็กที่เป็นโรคนี้พัฒนาการจะช้ากว่าปกติและพัฒนาการด้านอื่นจะบกพร่องอีกด้วย เด็กที่เป็นโรคนี้ส่วนมากจะเป็นตั้งแต่แรกเกิดจนประมาณ 7 ขวบ เด็กที่เป็นโรคนี้ส่วนมากจะมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว เช่น
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง เคลื่อนไหวช้า
- ทรงตัวได้ไม่ดีต้องใช้ไม้ค้ำยัน
- บางคนเดินไม่ได้
เด็กที่เป็น โรคสมองพิการหรือ Cerebral Palsy(CP) บางคนอาจมีอาการบกพร่องทางร่างกายอย่างอื่นตามมาด้วยค่ะ เช่น มองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน กระดูกสันหลังคด ซึ่งอาการของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคค่ะ
สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคสมองพิการหรือ Cerebral Palsy(CP) มี 3 ระยะ ดังนี้
1. ระยะตั้งครรภ์
คุณแม่อาจติดเชื้อ ได้รับสารเคมี หรือ ได้รับอุบัติเหตุขณะตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก หรือ ได้รับการกระทบกระเทือนบางอย่าง ซึ่งทำให้ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน และบางรายอาจเกิดจากเส้นเลือดในสมองของทารกในครรภ์ผิดปกติค่ะ
2.ระหว่างคลอด
คุณแม่อาจติดเชื้อ หรือได้รับสารพิษระหว่างรอคลอด หรือ คลอดยาก รอคลอดนาน รกพันคอเด็ก คลอดก่อนกำหนด เด็กน้ำหนักตัวน้อย เด็กที่สมองพิการจะพบได้มากในระยะระหว่างรอคลอดค่ะ
3.ระยะหลังคลอด
เด็กอาจติดเชื้อเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำให้สมองได้รับความเสียหายบางส่วน หรือได้รับสารพิษ การขาดออกซิเจนจากการจมน้ำ การสำลัก หรือการชัก หรือสมองได้รับการกระทบกระเทือนหรือบาดเจ็บ
อาการของเด็กที่เป็นโรคสมองพิการ Cerebral Palsy(CP)
- เด็กจะมีพัฒนาการช้ากว่าปกติ ในเรื่องของการ นั่ง คลาน ยืน เดิน และพูด
- มีอาการเกร็งของแขนและขาทั้งสองข้าง หรือ ซีกใดซีกหนึ่ง
- การเคลื่อนไหวและท่าทางจะผิดปกติ เช่น เมื่อฉุดเด็กนั่ง คอเด็กจะตกไปข้างหลัง
- กล้ามเนื้อจะอ่อนตัวทั่วร่างกาย ใบหน้าและแขนขามีการกระตุกโดยไม่สามารถควบคุมได้ เด็กไม่สามารถทรงตัวได้
- มีการกำมือตลอดเวลา ไม่สามารถหยิบจับสิ่งของได้ แม้อายุมากขึ้น
- ตั้งตัวตรงลำบาก เดินตัวไม่ตรง เดินซวนเซ หรือเดินขาลากข้างใดข้างหนึ่ง
- เด็กบางคนอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตาเหล่ สายตาไม่ดี หูตึง เป็นโรคลมชัก สติปัญญาพร่อง หรือปัญญาอ่อนร่วมด้วย
การรักษาโรคสมองพิการหรือ Cerebral Palsy(CP)
- รักษาด้วยการกายภาพบำบัด ช่วยลูกได้ด้วยการ ยืด ดัด หรือพยุงด้วยเฝือก กายภาพบำบัดเพื่อช่วย ไม่ให้ข้อต่อต่างๆผิดรูปค่ะ
- รักษาด้วยการกินยา เช่น ยาในกลุ่ม Diazepam จะช่วยลดความเกร็งของกล้ามเนื้อได้ในระดับหนึ่ง แต่ผลข้างเคียงคือ จะมีอาการง่วงนอน
- การฉีดยา กลุ่ม Botox ซึ่งผลิตจากสารพิษจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์ทำให้การนำประสาทส่วนปลายถูกขัดขวาง ถ้าฉีดเข้าไปจะทำให้ลดความผิดรูปผิดร่างของข้อได้ แต่ยาออกฤทธิ์เพียงชั่วคราว คือ 3-4 เดือน หากหมดฤทธิ์ยา กล้ามเนื้อจะกลับมาเกร็งอีก การฉีดยาไม่ค่อยนิยมใช้ เพราะราคาค่อนข้างสูง และต้องใช้ในปริมาณที่มาก เด็กที่เป็นโรคนี้กล้ามเนื้อจะเกร็งหลายส่วน แต่สำหรับเด็กที่เป็นข้อแข็งยาฉีดจะไม่สามารถช่วยได้ค่ะ
- การผ่าตัด แบ่งได้ 3 อาการดังนี้
- การผ่าตัด ลดความตึงของกล้ามเนื้อ โดยผ่าคลายเฉพาะกล้ามเนื้อที่ยึด ตึง เกร็ง
- การผ่าตัดย้ายเอ็น เพื่อสร้างความสมดุลของข้อ
- การผ่าตัดกระดูก จะใช้สำหรับรายที่กระดูกถูกดึงจนผิดรูปแล้ว
การดูแลเด็กที่เป็นโรคสมองพิการหรือ Cerebral Palsy(CP)
- คุณพ่อคุณแม่ควรให้เด็กได้ฝึกช่วยเหลือตัวเอง ขยับตัว แขน ขา มือ ตั้งคอ พลิกตัวตะแคงคลาน ให้มีการพัฒนาเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป คุณพ่อคุณแม่อาจมีช่วยได้บ้าง แต่อย่าหยุดพัฒนาการของลูก
- กระตุ้นให้เด็กได้เรียนรู้ ทั้งการเล่นการเคลื่อนไหว การออกเสียง พาลูกพบปะผู้คนในสังคมเหมือนเด็ก ๆ ปกติ
- ปรับสภาพแวดล้อมเพื่อคอยช่วยเหลือ เช่น อุปกรณ์ช่วยพยุง หรือ ไม้ค้ำตามจุดต่าง ๆ ไว้ให้เด็กได้หัดเดิน
ถ้าเด็กพิการตั้งแต่ช่วง 2 ปีแรกหลังคลอด สมองจะได้รับความพิการรุนแรงกว่าช่วงอื่น เพราะในช่วงนี้เด็กจะมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ไปอย่างรวดเร็ว หากสมองเสียหายมากเด็กอาจไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนปกติได้ ดังนั้น ในช่วง ขวบปีแรก จนถึง 7 ปี ควรทำกายภาพบำบัด และฝึกพัฒนาการต่าง ๆ ของลูกให้ได้อย่างเต็มที่ เพราะถ้ากล้ามเนื้อและข้อต่อยึดเกร็งมาก ๆ เด็กจะพิการมากขึ้น เมื่อมีการดูแลที่ดี และพัฒนาการเป็นไปอย่างถูกต้อง เมื่อโตขึ้นเรื่อย ๆ อาการนี้จะดีขึ้นแน่นอนค่ะ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ