ปกติแล้วคุณแม่ตั้งครรภ์จะมีอาการปวดท้องเล็ก ๆ น้อย ๆ ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งอาการปวดท้องนี้อาจเกิดจาก การฝังตัวของมดลูก มดลูกขยายตัว ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ทุกช่วงของการตั้งครรภ์ แต่ถ้าอาการปวดท้องดูเหมือนจะมากขึ้น ทำอย่างไรแล้วก็ไม่หายปวด และอาการปวดท้องก็มาร่วมกับอาการอื่น ๆ ด้วย คุณควรต้องสังเกตตัวเองแล้วค่ะ เพราะอาจจะเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นได้
4 อาการปวดท้องขณะตั้งครรภ์ ที่ควรกังวล
1. ปวดท้องเนื่องจากอาการติดเชื้อ
คุณอาจไม่ได้เกิดการปวดท้องจากการตั้งครรภ์ แต่อาจเกิดจากการติดเชื้อจากกระเพาะอาหาร ปวดไส้ติ่ง หรือ ถ้ามีอาการพวกอาหารเป็นพิษ คุณอาจจะมีอาการอาเจียนอื่น ๆ ร่วมด้วย อาการพวกนี้ควรรีบพบแพทย์โดยด่วนค่ะ
2. อาการปวดท้องที่เกิดจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก
ส่วนมากอาการตั้งครรภ์นอกมดลูก จะเกิดจากความผิดปกติของท่อนำไข่ ที่ไม่สามารถนำไข่ไปฝังตัวยังจุดที่เหมาะสมในมดลูกได้ ตัวอ่อนจึงฝังตัวแถว ๆ ท่อนำไข่ ซึ่งตัวอ่อนจะไม่สามารถเจริญเติบโตได้ จึงทำให้คุณแม่มีอาการปวดท้อง อาจจะปวดทางด้านซ้ายหรือด้านขวาของคุณแม่เอง และส่วนมากจะปวดท้องพร้อม ๆ กับมีเลือดออก ซึ่งคุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ
3. อาการปวดท้องเนื่องจากการคลอดก่อนกำหนดในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ (แท้ง)
การคลอดก่อนกำหนด เกิดขึ้นได้ในช่วงสัปดาห์ที่ 12 เป็นต้นไปแต่ไม่เกิน สัปดาห์ที่ 23 คุณแม่จะรู้สึกมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และอาจมีเลือดออก ซึ่งอาการนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเกิดอุบัติเหตุ เด็กหยุดการเจริญเติบโต เป็นต้น
4. ปวดท้องคลอดก่อนกำหนดในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์
ซึ่งอยู่ระหว่างสัปดาห์ที่ 23-37 สัปดาห์ คุณแม่จะมีอาการปวดตรงเชิงกราน หรือแถวหัวหน่าว ถ้าคุณแม่มีมดลูกที่ต่ำลงมากแล้ว คุณแม่บางคนอาจมีอาการน้ำคล่ำแตก ซึ่งเป็นอาการของการคลอดก่อนกำหนด เด็กที่คลอดออกมาในช่วงนี้ส่วนมากจะมีชีวิตรอดต่อไป ยิ่งคลอดในช่วงสัปดาห์มากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสรอดก็มีสูงขึ้นตามไปด้วยค่ะ
แม้ว่าคุณแม่หลาย ๆ คนจะมีอาการปวดท้องขณะตั้งครรภ์ แต่สัญชาตญาณคุณแม่ก็ต้องสังเกตตัวเองด้วย ว่าปวดแบบไหนถือว่าปกติ แบบไหนผิดปกติ และเมื่อรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติให้รีบพบคุณหมอโดยเร็วที่สุด เพื่อหาสาเหตุและวิธีการรักษาต่อไปค่ะ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ