คุณแม่หลังคลอดมักมีอาการที่พ่วงหรือปรากฏหลังจากที่คลอดลูกน้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการคลอดลูกน้อยด้วยการผ่าคลอด หรือ การคลอดตามธรรมชาติ และอาการหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับคุณแม่หลังคลอดก็คือ อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว ที่ทำให้คุณแม่หลาย ๆ ท่านเกิดความกังวลใจได้ว่าเป็นอันตรายหรือไม่ หรือ อาการหลังคลอดที่ปรากฏขึ้นนี้จะส่งผลต่อการให้นมลูกน้อยของคุณแม่หรือไม่ บทความนี้เราขอเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยไขข้อสงสัยหรือข้อข้องใจของคุณแม่หลังคลอด
สาเหตุของ อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว หลังคลอด
อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวหรือ อาการเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว คล้ายจะเป็นไข้ เป็นหนึ่งอาการที่คุณแม่หลังคลอดหลาย ๆ ท่านมักพบเจอ โดยอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวนี้มีสาเหตุมาจาก
1.คุณแม่และลูกน้อยมีเลือดต่างกรุ๊ปกัน
เมื่อคุณแม่คลอดลูกน้อย ซึ่งมีกรุ๊ปเลือดที่แตกต่างออกไปจากกรุ๊ปเลือดของคุณแม่ มักจะทำให้คุณแม่มีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวขึ้นได้
2.การลดลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
หลังการคลอดลูกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสมดุลของความดัน และ การสะสมน้ำรอบเซลล์ ทำให้อุณหภูมิของร่างกายคุณแม่เพิ่มสูงขึ้น และ ลดลงในบางช่วงเวลา หรือ เกิดอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวขึ้นนั่นเอง
3.เต้านมคัด ทำให้เกิด อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว
เมื่อคุณแม่คลอดลูก ร่างกายของคุณแม่จะมีกลไกการผลิตน้ำนมตามธรรมชาติ แต่เมื่อใดก็ตามที่เต้านมเกิดการผลิตน้ำนมขึ้น แต่น้ำนมไม่สามารถไหลออกมาจากเต้านมได้ ทั้งจากการที่ลูกน้อยไม่ยอมดูดนม หรือ ท่อน้ำนมอุดตัน ก็ทำให้เต้านมของคุณแม่เกิดอาการคัดเต้านมจึงเกิดการอักเสบ เป็นผลให้อุณหภูมิร่างกายของคุณแม่สูงขึ้นเกิดเป็นอาการไข้ขึ้นได้
4.การติดเชื้อในคุณแม่หลังคลอด
สาเหตุในข้อนี้สามารถแบ่งแยกจากสาเหตุในข้ออื่น ๆ ได้จากระยะเวลาการเป็นไข้ โดยการเป็นไข้ที่ติดต่อกันเกิน 24 ชั่วโมง ให้ต้องสงสัยก่อนเลยว่าอาการดังกล่าวเกิดจากการติดเชื้อภายในร่างกายของคุณแม่ ควรพาคุณแม่ไปพบแพทย์โดยด่วน
5.ความล้าหลังคลอด
การคลอดลูกน้อยเป็นการใช้พลังงานจำนวนมากของร่างกายคุณแม่ จึงทำให้ร่างกายของคุณแม่เสียสมดุลได้ในช่วงแรก ๆ จนเกิดเป็นอาการไข้ขึ้น
วิธีแก้ อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว
เมื่อเราทราบถึงสาเหตุบางประการที่ทำให้เกิดอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวกันแล้ว ถัดมาเราก็ขอพาคุณแม่หลังคลอดไปพบกับวิธีแก้อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว ซึ่งมีดังนี้
1.การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ
เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่หลังคลอดฟื้นฟูตัวเอง แล้วปรับสมดุลให้ชีวเคมีภายในร่างกายกลับมาเป็นปกติได้ในที่สุด
2.การรักษาความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ
โดยเฉพาะความสะอาดของฝีเย็บที่มักเป็นหนึ่งในสาเหตุที่นำมาซึ่งอาการติดเชื้อของฝีเย็บได้
3.การรักษาอุณหภูมิของร่างกาย
คุณแม่หลังคลอดไม่ควรปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสภาวะที่หนาวจนเกินไป ซึ่งทำให้เกิดอาการไข้ขึ้น ส่วนนี้คุณแม่ก็เพียงสวมใส่เสื้อผ้าที่มีความหนาพอเหมาะกับอุณหภูมิของอากาศ หรือ คุณแม่ท่านใดที่อยู่ในห้องแอร์ก็เพียงปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม
4.การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เนื่องจากคุณแม่หลังคลอดต้องสูญเสียน้ำภายในร่างกายทั้งจากน้ำคาวปลา หรือ น้ำนม ทำให้คุณแม่หลังคลอดต้องยิ่งเติมเต็มน้ำเข้าไปทดแทนน้ำที่คุณแม่ต้องสูญเสียไปในแต่ละวัน เพื่อให้เกิดสมดุลน้ำในร่างกายของคุณแม่หลังคลอดได้
5.การอาบน้ำอุ่น
แม้น้ำเย็นจะช่วยให้คุณแม่หลังคลอดเกิดความสดชื่นขึ้น แต่น้ำเย็นก็อาจกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการไข้ในคุณแม่หลังคลอดได้
6.การรับประทานอาหารที่ครบถ้วนอย่างเพียงพอ
อาหารที่เป็นอาหารช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการปรับสมดุลอุณหภูมิของร่างกายคุณแม่หลังคลอด อาหารเหล่านี้ก็ได้แก่ อาหารประเภทขิงที่สามารถรับประทานได้ทั้งเป็นแบบผักสด หรือ การนำมาปรุงเป็นอาหารอย่างไก่ผัดขิง หรือ การนำมาปรับเป็นเครื่องดื่มน้ำขิง เป็นต้น
อาการอื่นๆ ที่คุณแม่หลังคลอดมักจะเจอ
นอกจากอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวแล้ว คุณแม่หลังคลอดยังมักพบเจอกลุ่มอาการอื่น ๆ อีก ดังนี้
1.อาการท้องผูก
ท้องผูก อาการหลังคลอดที่มักพบในคุณแม่ส่วนใหญ่ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากคุณแม่หลังคลอดมักกลัวการต้องเบ่งอุจจาระ เพราะกลัวว่าจะเจ็บฝีเย็บ เมื่อเกิดอาการกลัวทำให้อุจจาระถ่ายไม่ออก แล้วตามไปด้วยอุจจาระที่คั่งค้างจนแข็ง ส่วนนี้คุณแม่ก็สามารถแก้ไขด้วยตัวเองเพียงแค่ดื่มน้ำมาก ๆ และ รับประทานอาหารที่ช่วยให้การขับถ่ายง่ายขึ้น อย่างอาหารประเภทที่มีเส้นใย
2.อาการเจ็บฝีเย็บ
เป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังคลอดภายในระยะเวลา 1 – 2 วัน ส่วนนี้คุณแม่สามารถลดอาการดังกล่าวได้ด้วยการประคบด้วยความอุ่น และทำความสะอาดให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการอักเสบ หรือ ติดเชื้อ ของฝีเย็บอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการหลังคลอดที่สามารถเกิดขึ้นได้ในคุณแม่หลังคลอดทุกท่าน แต่ก็มาจากสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นคุณแม่จึงควรทราบสาเหตุของอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวที่เกิดขึ้นกับตนเอง เพื่อจะแก้ได้ถูกวิธี แถมไม่ต้องกังวลว่าอาการดังกล่าวจะกลายเป็นปัญหาของการให้นมลูกน้อยในอนาคต
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ
- ของเล่น 11 ประเภทที่ดีเหมาะสำหรับเด็ก 1ขวบขึ้นไป
- ของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กมีอะไรบ้าง
- การเล่นให้เหมาะสมกับวัย แรกเกิด-3 ขวบ