fbpx
Homeผู้หญิงผลไม้ลดเบาหวาน น้ำตาลต่ำ กินแล้วไม่เป็นอันตราย

ผลไม้ลดเบาหวาน น้ำตาลต่ำ กินแล้วไม่เป็นอันตราย

ผลไม้ลดเบาหวานเป็นแหล่งอาหารธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม บางชนิดอาจมีปริมาณน้ำตาลสูง ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้น การเลือกรับประทานผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้สำหรับคนเป็นเบาหวาน ผลไม้ลดเบาหวานน้ำตาลต่ำ กินแล้วไม่เป็นอันตรายนั้น มีให้เลือกรับประทานหลากหลายชนิด ซึ่งนอกจากจะให้รสชาติที่อร่อยแล้ว ยังมีคุณประโยชน์ทางโภชนาการที่หลากหลายอีกด้วย

แนะนำ 5 ผลไม้ลดเบาหวาน มีอะไรบ้าง

สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกตินั้นเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าผลไม้จะเป็นแหล่งของวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังคงมีบางชนิดที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอแนะนำ 5 ผลไม้ลดเบาหวานที่จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากผลไม้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาล

  1. กีวี่ (Kiwi)

ผลกีวี่เป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย แต่กลับมีปริมาณน้ำตาลต่ำเพียง 6.2 กรัมต่อผลเท่านั้น นอกจากนี้ กีวี่ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเค และใยอาหารชนิดละลายน้ำได้

  1. แตงโม (Cantaloupe)

แตงโมเป็นผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ ประมาณ 8 กรัมต่อ 1 ถ้วยตวง นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอสูง ซึ่งดีต่อสายตา และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต่อต้านความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคหัวใจ

  1. สตรอว์เบอร์รี่ (Strawberry)

สตรอว์เบอร์รี่มีรสชาติหวานอร่อย แต่กลับมีปริมาณน้ำตาลต่ำเพียง 7.7 กรัมต่อ 1 ถ้วยเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของวิตามินซี โพแทสเซียม และใยอาหารอีกด้วย

  1. แพร์ (Pear)

แพร์เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอร่อย และมีปริมาณน้ำตาลต่ำประมาณ 10 กรัมต่อผลขนาดกลาง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของวิตามินซี วิตามินเค และใยอาหาร

  1. มะม่วงสุก (Ripe Mango)

มะม่วงสุกเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอร่อย แต่มีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้หวานอื่นๆ โดยมีน้ำตาลประมาณ 14 กรัมต่อผลขนาดกลาง อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และใยอาหาร

จะเห็นได้ว่าแม้ผลไม้ทั้ง 5 ชนิดนี้จะมีรสชาติหวานอร่อย แต่ก็มีปริมาณน้ำตาลต่ำ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างไรก็ตาม การรับประทานผลไม้ควรอยู่ในปริมาณพอดี และผสมผสานกับการออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ผลไม้อะไรที่คนเป็นเบาหวานควรเลี่ยง

สำหรับผู้ที่เลือกผลไม้ลดเบาหวาน การเลือกรับประทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป ในกรณีของผลไม้ก็เช่นกัน บางชนิดมีปริมาณน้ำตาลสูงจนเกินไป ซึ่งผลไม้สำหรับคนเป็นเบาหวาน หรือผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยง ได้แก่

  1. ทุเรียน (Durian)

ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานมาก โดยมีปริมาณน้ำตาลประมาณ 27 กรัมต่อ 1 ถ้วย ซึ่งค่อนข้างสูงสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

  1. มะม่วงแก้ว (Mangosteen)

มะม่วงแก้วมีรสหวานอร่อย และมีปริมาณน้ำตาลสูงถึง 16 กรัมต่อผลขนาดกลาง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้

  1. ลิ้นจี่ (Lychee)

ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่มีรสหวานมาก โดยมีปริมาณน้ำตาลประมาณ 29 กรัมต่อ 1 ถ้วย จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

  1. ส้มโอ (Pomelo)

ส้มโอมีรสหวานอร่อย แต่ก็มีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง โดยมีน้ำตาลประมาณ 22 กรัมต่อผลขนาดกลาง

  1. องุ่น (Grapes)

องุ่นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานมาก และมีปริมาณน้ำตาลสูงถึง 23 กรัมต่อ 1 ถ้วย ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานควรระมัดระวังในการรับประทาน

แม้ว่าผลไม้ลดเบาหวานจะเป็นแหล่งของวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ปริมาณน้ำตาลที่สูงเกินไปก็อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ ดังนั้นผลไม้สำหรับคนเป็นเบาหวาน หรือผู้ป่วยเบาหวานจึงควรเลือกรับประทานผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ และรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ นอกจากนี้ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสมด้วย

คำแนะนำการทานอาหาร สำหรับคนเป็นเบาหวาน

การรับประทานอาหารอย่างถูกวิธีเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ดังนั้นเราจึงขอแนะนำคำแนะนำในการรับประทานอาหาร ที่เกี่ยวกับผลไม้ลดเบาหวาน มีดังนี้

  1. รับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้เปลือกหนัง ธัญพืชไร้ขัดสี เนื่องจากใยอาหารจะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
  2. เลือกรับประทานแป้งและคาร์โบไฮเดรตที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังธัญพืชเต็มเมล็ด เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
  3. จำกัดการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมสูง เช่น ขนมหวาน อาหารทอด อาหารกระป๋อง เนื่องจากเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน
  4. รับประทานโปรตีนจากแหล่งที่มีไขมันต่ำ เช่น นม เนื้อสัตว์พวกเนื้อไก่และตับ ถั่วเมล็ดแห้ง เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  5. ดื่มน้ำอย่างน้อยหนึ่งแก้วทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อช่วยขับน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย
  6. แบ่งมื้ออาหารเป็นหลายมื้อเล็กๆ แทนการรับประทานมื้อใหญ่ 2-3 มื้อ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีกว่า
  7. อ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้ออาหาร เพื่อตรวจสอบปริมาณน้ำตาล ไขมัน และโซเดียม
  8. วางแผนรับประทานอาหารล่วงหน้า เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต
  9. ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการที่เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรับประทานอาหารให้เหมาะสม

การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ป่วยที่ทานอาหารที่ส่งผลต่อผลไม้ลดเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และมีสุขภาพที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย การคุมน้ำหนัก และการรับประทานยาตามแพทย์สั่ง

เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular