ตามปกติแล้วมดลูกของคนเราจะไม่แตกง่าย ๆ กันหรอกนะคะ แต่เมื่อไรที่แตกถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ฉุกเฉินและอันตรายจริง ๆ ตามปกติแล้วมดลูกของคนเราจะมีเส้นเลือดแดงไปเลี้ยงทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวา หากเส้นเลือดเกิดการฉีกขาด ประมาณว่าภายในเวลา 5 นาที จะทำให้เสียเลือดได้ถึง 4 ลิตรจนเลือดเกลี้ยงตัวทีเดียว น่ากลัวจริง ๆ นะคะ มาดูกันดีกว่าค่ะว่า ทำไมมดลูกถึงแตกได้
ปัจจัยเสี่ยง “มดลูกแตก”
1.มดลูกมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดมีรูปทรงที่ผิดปกติ เช่น เป็นรูปหัวใจ มีเยื่อกั้นเป็นสองช่อง มี 2 มดลูก กรณีเช่นนี้ทำให้มดลูกอ่อนแอและอาจแตกได้ง่ายกว่าปกติ
2.มีแผลผ่าตัด โดยเฉพาะแผลที่เกิดจากการผ่าตัดแบบตรงที่ตัวมดลูก ยิ่งทำให้มดลูกนั้นเปราะบางและแตกง่ายถ้ามีการตั้งครรภ์ติด ๆ กัน
3.คุณแม่ที่มีลูกตั้งแต่ 4คนขึ้นไป มดลูกจะมีความอ่อนแอมากกว่าปกติ
4.แม่ท้องที่มีอายุมากกว่า 35 ปี
5.มีปัญหาเรื่องรกผิดปกติ เช่น รกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด รกเกาะติด เป็นต้น
6.มดลูกขยายมาก เช่น ตั้งครรภ์ลูกฝาแฝด ตั้งครรภ์แฝดน้ำ ทารกอยู่ในครรภ์ในท่าขวาง
7.คลอดยาก อุ้งเชิงกรานของคุณแม่ไม่ได้สัดส่วนกับศีรษะของทารก
8.เคยผ่าคลอดแล้วในท้องแรก ท้องสองทดลองคลอดเองตามธรรมชาติอาจส่งผลให้มดลูกแตกได้
9.ใช้ยาเร่งคลอด เช่น สารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) หรือออกซิโตซิน (Oxytocin)
10.ใช้เครื่องมือช่วยคลอด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดูดสุญญากาศ หรือคีมช่วยคลอดอาจส่งผลทำให้มดลูกแตกได้
11.ช่วยคลอดทางช่องคลอดโดยการ “ดัน” หรือ “ข่ม” มดลูก
12.มดลูกได้รับบาดเจ็บ เช่น จากอุบัติเหตุรถชน มีการกระแทกหรือกระทบกระเทือนอย่างหนักบริเวณท้องน้อยหรือบริเวณอุ้งเชิงกราน
13.ใช้หัตถการทำคลอด เช่น ใช้มือล้วงเข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อหมุนทารกจากท่าขวางให้เป็นท่าก้นหรือท่าศีรษะ
อาการที่บ่งบอกว่าอาจมดลูกแตกได้
1.ปวดท้องอย่างรุนแรง
2.ตกเลือดภายในช่องคลอด
3.หัวใจของทารกเต้นผิดปกติ แสดงว่า ทารกน้อยกำลังขาดออกซิเจนและอยู่ในภาวะอันตรายถึงชีวิต
4.ทารกเสียชีวิตในครรภ์
5.แม่ท้องช็อกหมดสติเพราะเสียเลือดมาก
6.ทารกหลุดออกจากมดลูกมาลอยอยู่ในท้อง ทำให้สามารถคลำทารกได้ชัดเจน
มดลูกแตก ผลกระทบต่อทารก
1.ทารกเสียชีวิตในครรภ์หรือในตอนคลอดสูงถึงร้อยละ 7
2.ทารกที่รอดชีวิต 1 ใน 3 สมองจะขาดออกซิเจน อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโต
3.หลังจากคลอดแล้วส่วนใหญ่ทารกน้อยต้องอยู่ในห้อง NICU เด็ก เพราะมีความเสี่ยงต่อชีวิตสูงกว่าเด็กที่คลอดปกติ
มดลูกแตก ผลกระทบต่อแม่
1.มดลูกแตกส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะอาจเกิดการฉีกขาด รั่ว มีเลือดออกได้
2.แม่ท้องที่มดลูกแตกจะเสียเลือดจำนวนมาก จำเป็นต้องให้เลือดทดแทน
3.คุณแม่ที่มดลูกแตกจำนวน 1 ใน 3 ที่เกิดอาการช็อก ต้องช่วยชีวิตอย่างรีบด่วน
4.แม่ท้องที่มีอากรมดลูกแตกมักจะลงท้ายด้วยการตัดมดลูกออก
5.แม่ท้องที่มดลูกแตกมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าปกติ
ป้องกันอย่างไรไม่ให้ “มดลูกแตก”
1.หากตั้งครรภ์เมื่ออายุมากกว่า 35 ปี ต้องปรึกษาคุณหมอเพื่อดูแลครรภ์อย่างใกล้ชิด
2.มีลูกไม่เกิน 4 คน
3.ควรคลอดเองตามธรรมชาติ
4.หากทารกตัวโตเกินไป คลอดยาก ควรผ่าคลอดมากกว่าใช้ยาหรือเครื่องมือช่วยคลอด
5.หากเคยผ่าตัดมดลูกหรือผ่าตัดคลอด โดยเฉพาะบาดแผลในแนวตั้ง โอกาสเสี่ยงมดลูกแตกมีสูงกว่าแผลผ่าคลอดในแนวขวาง ดังนั้น ครรภ์ต่อไปไม่ควรทดลองคลอดเอง
6.แม่ตั้งครรภ์ไม่ควรขับขี่มอเตอร์ไซค์ เพราะโอกาสเกิดอุบัติเหตุมีสูงและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะอาจส่งผลต่อมดลูกและอุ้งเชิงกรานโดยตรง
7.เมื่อตั้งครรภ์ใกล้คลอดคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตตนเองว่าลูกดิ้นทุกวันหรือไม่ หรือดิ้นน้อยลงหรือไม่ เพราะบางครั้งอาการที่ลูกดิ้นน้อยลงหรือไม่ดิ้นอาจเป็นไปได้ว่ามดลูกกำลังปริหรือกำลังจะแตกได้
อย่างไรก็ตามในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องระมัดระวังตนเองให้ดีและไม่ทำกิจกรรมใด ๆ ก็ตามที่เสี่ยงอันตรายเพราะอาจส่งผลเสียด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ หากพบความผิดปกติต้องรีบแจ้งคุณหมอและไปโรงพยาบาลโดยด่วนค่ะ
เรื่องอื่นๆ ที่เราแนะนำสำหรับคุณ