ลิ้นติด (Tongue-tie) เป็นภาวะที่การเคลื่อนไหวลิ้นถูกจำกัดจากการที่มีเนื้อเยื่อไปยึดเกาะระหว่างใต้ลิ้นกับพื้นล่างของช่องปาก ส่งผลให้เกิดความผิดปกติ ซึ่งเนื้อเยื่อที่ว่านี้อาจสั้นไปและยึดติดกับลิ้นแน่นไป หรืออาจเกาะออกไปตามพื้นล่างของลิ้นยาวเกินไป หากยื่นไปถึงปลายลิ้นอาจทำให้เห็นปลายลิ้นเป็นรูปตัว V หรือเป็นรูปหัวใจ ภาวะนี้มักเป็นกรรมพันธ์และไม่สามารถป้องกันได้
ภาวะลิ้นติดมาก ๆ อาจทำให้แลบลิ้นยื่นออกมาและกระดกลิ้นไม่ได้ ทำให้ขัดขวางการเคลื่อนไหวตามปกติของลิ้นที่เป็นลูกคลื่นเวลาที่ดูดนมแม่ ส่งผลให้ดูดนมแม่ลำบาก ดูดนมได้ไม่ดี อมหัวนมแล้วมักหลุด คุณแม่เองก็เจ็บหัวนม หรือทำให้หัวนมของคุณแม่มีการชอกช้ำเป็นแผล ส่งผลให้ร่างกายของคุณแม่สร้างน้ำนมได้น้อยลง และเกิดปัญหานมแม่ไม่เพียงพอ
อาการที่แสดงว่า ลูกเกิดภาวะลิ้นติด
- ลูกแลบลิ้นได้ไม่พ้นริมฝีปากหรือเหงือกบน
- ไม่สามารถกระดกปลายลิ้นขึ้นไปสัมผัสเพดานปากได้
- ไม่สามารถเคลื่อนไหวลิ้นไปด้านข้างได้
- เมื่อแลบลิ้น ปลายลิ้นจะแบนไม่มน หรือเป็นเหลื่ยม ไม่แหลมมนอย่างทั่ว ๆ ไป
- ปลายลิ้นอาจเป็นร่องหยักเข้ามาเป็นรูปหัวใจ
ข้อบ่งชี้ว่าเด็กที่มีภาวะลิ้นติด ที่ควรได้รับการแก้ไข
- คุณแม่จะเจ็บหัวนมหรือมีร่องรอยฟกช้ำ หรือเป็นแผล
- หัวนมผิดรูปไปหลังจากให้ลูกกินนมแล้ว
- มีรอยกดหรือรอยเป็นริ้ว ๆ บนหัวนมหลังจากที่ลูกดูดนมแล้ว
- ลูกมักดูดหรืองับไม่ได้ หรือดูดแล้วหลุดเลยทำให้ดูดได้แต่ลม
- ได้ยินเสียงคล้ายกระเดาะลิ้นจากปากลูกขณะดูดนม
- น้ำหนักตัวลูกไม่ขึ้นหรือขึ้นช้า
การรักษาภาวะลิ้นติด
การรักษาภาวะลิ้นติดใช้การผ่าตัด โดยในทารกต่ำกว่า 4 เดือน หรือฟันยังไม่ขึ้น สามารถใช้ยาเฉพาะที่ได้ ทารกไม่จำเป็นต้องงดนมก่อนผ่าตัด ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัด ประมาณ 10-15 นาที หลังผ่าตัดเด็กสามารถกินนมได้ทันทีและกลับบ้านได้ ส่วนในเด็กโตจำเป็นต้องใช้วิธีดมยาสลบเพื่อผ่าตัด
หลังผ่าตัดไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาโดยเฉพาะอีก ในเด็กบางรายหลังผ่าตัดอาจพบเยื่อขาว ๆ เป็นแผ่นเล็กๆที่แผล ซึ่งจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ พบภาวะติดเชื้อน้อยมาก
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ
- เตรียมตัวรับมือกับภาวะหลังคลอดปกติที่คุณแม่ต้องเจอกันค่ะ
- 6 ภาวะของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
- ภาวะผมร่วงหลังคลอด และวิธีการรับมือ