fbpx
Homeผู้หญิงชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เช็กด่วนเกิดจากอะไร

ชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เช็กด่วนเกิดจากอะไร

อาการชาปลายนิ้วมือ เป็นภาวะที่เกิดความรู้สึกเหน็บชาหรือไร้ความรู้สึกบริเวณปลายนิ้ว ซึ่งอาจส่งผลให้การหยิบจับสิ่งของลำบากขึ้น บางครั้งอาจมีอาการเจ็บแปลบคล้ายถูกเข็มทิ่มร่วมด้วย ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งมือข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง สาเหตุหลักของอาการชาปลายนิ้วมือมักเกิดจากภาวะเส้นประสาทถูกกดทับ โดยพบบ่อยในกลุ่มคนที่มีการเคลื่อนไหวซ้ำๆ หรืออยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานาน เช่น ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ ทำอาหาร ทำงานบ้าน หรือใช้โทรศัพท์มือถือเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหาอาการชาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงควรให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ

อาการชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า มีสาเหตุจากอะไร

อาการชาปลายนิ้วมือและนิ้วเท้ามักเกิดจากการที่เส้นประสาทถูกกดทับ โดยพบบ่อยในกลุ่มคนที่ต้องใช้มือทำงานซ้ำๆ หรืออยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานาน เส้นประสาทหลักที่มาเลี้ยงมือมีอยู่ 3 เส้น ได้แก่ เส้นประสาทมีเดียน และเส้นประสาทอัลน่า ซึ่งแต่ละเส้นรับผิดชอบความรู้สึกในบริเวณต่างๆ ของมือ โดยสาเหตุหลักของอาการชาปลายนิ้วมือมีดังนี้

  1. การกดทับแขนงของเส้นประสาทเรเดียล ทำให้เกิดอาการชาบริเวณหลังนิ้วโป้งและนิ้วชี้ มักเกิดจากการใช้ข้อมือซ้ำๆ หรือปัจจัยภายนอก เช่น การคล้องกระเป๋าที่แขน หรือการสวมนาฬิกา
  2. กลุ่มเส้นประสาทมีเดียนบริเวณข้อมือถูกกดทับ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด มักเกิดในผู้ที่ต้องใช้มือทำกิจกรรมที่ข้อมืออยู่ในท่างอหรือเหยียดเป็นเวลานาน เช่น การพิมพ์คอมพิวเตอร์ การใช้โทรศัพท์ หรือการขับรถ
  3. กลุ่มเส้นประสาทอัลน่าบริเวณข้อศอกถูกกดทับ ทำให้เกิดอาการชาที่ปลายนิ้วก้อยและนิ้วนางบางส่วน พบได้บ่อยเป็นอันดับสอง มักเกิดจากกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อศอกเป็นเวลานาน เช่น การใช้โทรศัพท์ การอ่านหนังสือ หรือการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานๆ

อาการชาปลายนิ้วมือ แบบไหน อันตราย ควรพบแพทย์ด่วน

อาการชาที่ควรรีบพบแพทย์มีหลายลักษณะ แม้ว่าโดยทั่วไปอาการชาร่วมกับอาการปวดมักทำให้ผู้ป่วยต้องการการรักษาเพื่อบรรเทาความไม่สบาย แต่มีอาการชาบางประเภทที่อาจบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่รุนแรงกว่า ซึ่งควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว สำหรับอาการชาที่ควรรีบพบแพทย์ ได้แก่

  1. อาการชาที่มาพร้อมกับอาการอ่อนแรง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาทางระบบประสาทที่รุนแรง
  2. อาการชาที่เกิดร่วมกับการผิดรูปของอวัยวะหรือมีแผล อาจเป็นสัญญาณของการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อ
  3. อาการชาพร้อมกับความรู้สึกร้อนหรือเย็นผิดปกติที่มือหรือเท้า ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาการไหลเวียนเลือดหรือระบบประสาทส่วนปลาย
  4. อาการชาที่ทำให้สูญเสียความรู้สึกของตำแหน่งร่างกายหรือการทรงตัว อาจบ่งชี้ถึงปัญหาในระบบประสาทส่วนกลาง
  5. อาการชาที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือขยายวงกว้างไปยังบริเวณอื่น อาจเป็นสัญญาณของโรคที่กำลังลุกลาม

วิธีรักษาอาการชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า

อาการชาปลายนิ้วมือและนิ้วเท้าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การกดทับเส้นประสาท การใช้งานมือหรือเท้าในท่าเดิมเป็นเวลานาน หรือโรคทางระบบประสาท การรักษาอาการชาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยมีวิธีการรักษาดังนี้

  1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าเดิมนานๆ และพักการใช้งานมือหรือเท้าเป็นระยะ รวมถึงปรับท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง เช่น การจัดวางคีย์บอร์ดและเมาส์ให้เหมาะสม
  2. การบริหารร่างกาย โดยทำการยืดเหยียดกล้ามเนื้อและข้อต่อเป็นประจำ รวมถึงฝึกการบริหารมือและเท้าด้วยท่าง่ายๆ เช่น การกำและแบมือ การขยับนิ้วเท้า
  3. การประคบ โดยใช้น้ำอุ่นประคบเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด และใช้น้ำเย็นประคบเพื่อลดอาการบวมและอักเสบ
  4. การใช้ยาบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาแก้ปวดและลดการอักเสบ เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน และยาทาเฉพาะที่เพื่อลดอาการปวดและชา
  5. การใส่อุปกรณ์พยุง โดยใส่เฝือกหรือที่พยุงข้อมือเพื่อลดการกดทับเส้นประสาท และใช้รองเท้าที่เหมาะสมเพื่อลดแรงกดที่เท้า
  6. การทำกายภาพบำบัด โดยเข้ารับการรักษาด้วยเทคนิคการนวดและการบำบัดด้วยความร้อน รวมถึงเรียนรู้ท่าออกกำลังกายที่ถูกต้องเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น
  7. การรักษาด้วยไฟฟ้า โดยการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า (TENS) เพื่อบรรเทาอาการปวดและชา และการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นการทำงานของเส้นประสาท
  8. การผ่าตัด ในกรณีที่อาการรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่น
  9. การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น หากอาการชาเกิดจากโรคเบาหวาน ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หรือถ้าเกิดจากการขาดวิตามิน ก็ต้องรับประทานวิตามินเสริมนั่นเอง
  10. การดูแลสุขภาพโดยรวม อย่างการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอลดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

ป้องกันอาการชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้าได้อย่างไร

  1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าเดียวนานๆ
  2. พักการใช้งานมือและเท้าเป็นระยะ
  3. จัดท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อใช้คอมพิวเตอร์
  4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
  5. ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น เมาส์และคีย์บอร์ดแบบเออร์โกโนมิก
  6. สวมรองเท้าที่พอดีและสบาย
  7. ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  8. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่
  9. ลดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  10. พักผ่อนให้เพียงพอ
  11. หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกินไป
  12. ทำการบริหารมือและเท้าเป็นประจำ
  13. ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อคัดกรองโรคที่อาจเป็นสาเหตุ
  14. จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม
  15. ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ถูกต้องในการทำงาน

สำหรับใครที่มี อาการชาปลายนิ้วมือ ก็ลองทำตามคำแนะนำในการแก้อาการชากันดู แต่ถ้าไม่หาย หรือมีอาการรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนั่นเอง

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular